Politics

‘รอง ผบช.น.’ ลั่นความรุนแรงในม็อบที่ผ่านมา ไม่ได้เริ่มจากเจ้าหน้าที่!!

“รอง ผบช.น.” ลั่นความรุนแรงในการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้เริ่มจากเจ้าหน้าที่ แต่เป็นผู้ชุมนุมที่เริ่มก่อน เตือน!! ร่วม “ม็อบ6มีนา” ผิดกฎหมายควบคุมโควิด ตาม พรก.ฉุกเฉิน

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะ โฆษก บช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในการชุมนุม

พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยว่า จากการข่าวที่มีการรวมตัวจากกลุ่มผู้ชุมนุมในหลายพื้นที่กลุ่มแดงก้าวหน้า 63 ชักชวนบริเวณโลตัสรังสิตเคลื่อนมาที่ กรมทหารราบที่ 11 รอ. เพื่อมารวมตัวอาชีวะเพื่อประชาธิปไตย เวลา 17.00 น. กลุ่ม “กลุ่มประชาชนสร้างตัว” หรือ “รีเด็ม” ( REDEM) มีการประกาศชักชวนที่ห้าแยกลาดพร้าวเคลื่อนตัวไปบนถนนรัชดาภิเษกทำกิจกรรมเทขยะหย้าศาล จากการข่าวไปรวมตัวกลุ่มต่างๆ แยกเกษตร กลุ่มอาชีสะปกป้องสถาบันแยกปทุมวัน อาชีวะไม่เอาเผด็จการรวมตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยย้ายไปที่กรมทหารราบที่ 11 รอ.

ปิยะ1

โดยแจ้งเตือนว่า กทม. เป็นพื้นที่ห้ามชุมนุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.215 ก่อความวุ่นวายผิดกฎหมายอาญามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง การชุมนุมที่ผ่านมาตำรวจได้มีการดำเนินคดีไปแล้ว 22 ราย และคดีอื่น ๆ รวม 158 คดี ส่งสำนวนพนักงานอัยการ 116 คดี อยู่ระหว่างสืบสวน 42 คดี มีบาดเจ็บตำรวจ 90 นายได้รับบาดเจ็บ ส่ง รพ.27 นาย เสียชีวิต 1 นาย ผู้โพสต์ชักชวน แกนนำจัดการชุมนุม ตลอดจนผู้เข้าร่วมชุมนุมมีความผิดตามกฎหมาย อาจจะได้รับโทษได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมในช่วงหลังมีการใช้อาวุธ วัตถุระเบิด พลุ ปืน และวัตถุอื่นที่สามารถติดไฟได้ง่าย และสร้างกระเเสข่าวเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เช่น เครื่องควัน เพื่อโฆษณาชวนเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา นอกจากนี้ ยังมีการทุบทำลายสิ่งของ ทั้งทรัพย์สินของราชการและเอกชน ที่ผ่านมาความรุนแรง ไม่ได้เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เริ่มต้นจากผู้ชุมนุมทั้งนั้น อย่างที่เราเห็นตลอด

ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมมีความพยายามบุกรุกสถานที่ ทำลายรื้อถอนสิ่งกีดขวางที่เจ้าหน้าที่ได้วางไว้ เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง นั่นเเสดงให้เห็นถึงเจตนาของผู้ชุมนุม ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อาจปล่อยให้ผู้ชุมนุมสามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ หากไม่มีการละเมิดหรือมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อความไม่สงบเรียบร้อยหรือเกิดความเสียหายลุกลามบานปลาย

ส่วนกรณีชายพกพาวัตถุระเบิดที่ตำรวจทำการจับกุมนั้น จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น พบว่า ได้มีการผลิตเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาไปตรวจค้นที่บ้าน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก มีลักษณะให้การวกวนคล้ายคนวิกลจริต ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์จากแพทย์ รพ.ตร.ก่อน

“เห็นว่ามีการกล่าวอ้างว่าไปเรียนจากต่างประเทศ บอกไม่ชัดเจนว่านำระเบิดไปทำอะไร ส่วนการตรวจสอบประวัติยังไม่พบเกี่ยวกับการเมือง แต่เคยถูกดำเนินคดีพกพาอาวุธปืน ที่จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและอีโอดีตรวจสอบวัตถุระเบิดก่อน ไม่พบความเชื่อมโยงกับเรื่องทางการเมือง ขณะนี้ได้ทำการฝากขังที่ศาลอาญา” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว

เมื่อถามว่า ศาลอาญาร้องขอกำลังอย่างไรนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ให้มีการจัดเจ้าหน้าที่ตามปกติ ส่วนกำลังที่จัดเตรียมยืนยันว่าเตรียมไว้เพียงพอตลอดจนพฤติกรรมซึ่งช่วงหลังมีการใช้พลุเพลิง วัตถุติดไฟได้ง่าย และสร้างกระแสข่าวอย่างมีการใช้เครื่องพ่นควัน ทุบทำลายสิ่งของทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผบช.น. จัดกำลังเพียงพอ ส่วนการพักค้างแรมม.เกษตรมหาวิทยาลัยต้องขออนุญาตเจ้าของพื้นที่ ความรุนแรงไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้สที่ตำรวจ มีการรื้อถอนเครื่องกีดขวาง เห็นชัดเจตผู้ชุมนุมมีเจตนาอย่างไร

กรณีจัดวางเครื่องกีดขวางตู้คอนเทนเนอร์นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ยืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งก่อนหามาตรการป้องกัน การใช้อุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยและยับยั้งอันตราย หากมีการละเมิดกฎหมายตำรวจก็จับกุมได้ทันที และพฤติกรรมยังไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงจะไม่บังคับใช้กฎหมายทันที เว้นแต่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อความไม่สงบเรียบร้อย บุกรุกสถานที่ราชการ ทุบทำลายสิ่งของราชการหรือเอกชน ตำรวจจะปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าวไม่ได้ ตำรวจใช้กฎหมายตามป.อาญา และจับกุมตามป.วิอาญา นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยกำชับการปฏิบัติ ผบ.ตร. ให้เน้นอดทนยึดมั่นในหลักการนิติรัฐนิติธรรม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo