Politics

‘สุทิน’ แจงละเอียดยิบ งบฯกลาโหม-กู้เรือหลวงสุโขทัย

“สุทิน” แจงละเอียดยิบ ปม “เรือดำน้ำ” เชื่อทางออกไม่ขัดแย้ง “จีน” กู้เรือหลวงสุโขทัย ต้องกู้เรือในสภาพที่สมบูรณ์ทั้งลำ ไม่มีนอกมีในแน่นอน ตามงบที่ตั้งไว้

ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วาระแรก วันที่สอง ในส่วนของงบประมาณกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า

แจง

ที่ตั้งคำถามว่ายุควิกฤตในรัฐบาลปัจจุบันทำไมไม่ลดงบประมาณลงในข้อเท็จจริงนั้นปรับลดแล้ว แต่เป็นไปภายใต้ข้อจำกัดและสถานการณ์ของประเทศ ภัยคุกคาม ซึ่งการจัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมนั้นเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลง คือ เพิ่มขึ้น 1.2% – 1.3% หากเทียบกับราคาเงินเฟ้อ หรือสัดส่วนในภาพรวมของงบประมาณแผ่นดินเหมือนกับไม่ได้ขึ้น และเมื่อเทียบกับจีดีพีตัวเลขงบประมาณของประเทศที่พัฒนาแล้วที่จัดงบ 3% แต่ของไทยมีเพียง 1.2%

นายสุทิน กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนการปรับลดกำลังพลนั้น ความมั่นคงอยู่ที่ขวัญกำลังใจและยุทโธปกรณ์ หากปรับลดแบบทันด่วนจะกระทบต่อขวัญกำลังใจ ดังนั้น ต้องใช้เวลาในการปฏิรูปกองทัพ เพื่อให้ลดเร็วกว่านี้ นายพลมี 700 คน ในปี 2570 จะลดลง 380 คน เพื่อให้เร็ว จะทำโครงการเออรี่รีไทร์ นายพลที่จะเข้าโครงการรวดเร็วกว่าปี 2570 ซึ่งจะไม่เพิ่มภาระทางงบประมาณ ขณะที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมจะสร้างพลเรือนพันธุ์ใหม่ บางหน้าที่จะไม่ติดยศ เช่น หมอ แพทย์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์งบประมาณ เจ้าหน้าที่ธุรการ เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้นุ่มลง และจะลดภารงบประมาณ

“ส่วนที่มองว่างบประมาณด้านกำลังพลยังสูง หากจะทำให้เร็วต้องปลด แต่ทำไม่ได้ เพราะขวัญกำลังใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ปีนี้จึงไม่เห็นงบบุคลากรลดลง เพราะ 3 เดือนที่ผมมาทำอะไรไม่ได้ ปลดใครไม่ได้ แต่ผมมีแผนการปรับกำลังพล คือ ยุบหน่วยที่ไม่จำเป็น ควบรวมหน่วยที่ภารกิจใกล้เคียงกัน และปิดอัตราไม่บรรจุเพิ่มเมื่อบุคลากรเกษียณอายุราชการ” นายสุทิน ชี้แจง

ภาพถ่ายหน้าจอ 2567 01 04 เวลา 18.36.34

นายสุทิน ชี้แจงต่อประเด็นงดเกณฑ์ทหาร ว่า แต่ใช้วิธีการสมัครทหารเกณฑ์ ด้วยใช้มาตรการแรงจูงใจ เช่น เงินเดือนทหารเกณฑ์รับเต็มจำนวน , ได้เรียนต่อเนื่องหลังปลดประจำการในระบบที่ออกแบบร่วมกันในศูนย์การเรียนรู้ในค่ายทหาร , มีโอกาสรรับราชการในหน่วยงานทหารและโรงเรียนตำรวจ ในโควตา 80% รวมถึงได้โอกาสรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเกียรติยศ อย่างไรก็ดีการรับสมัครทหารเกณฑ์จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย

นายสุทิน ชี้แจงถึงประเด็นเรือดำน้ำ ว่า ตนขอความเป็นธรรม เพราะรัฐบาลก่อนเป็นคนทำ แต่ตนเข้ามาแก้ปัญหาแต่เมื่อพิจารณาแล้ว ไม่ว่าแก้อย่างไรก็โดนด่า เช่น รับเรือดำน้ำจีน จะมีปัญหาเรื่องผิดสัญญา แต่หากไม่เดินหน้า ตนโยนหินถามทางว่า ให้ใช้เรือฟริเกต แต่ก็ถูกด่า แม้จะมีคนระบุว่าให้ยกเลิกสัญญา แต่หากยกเลิกแล้วได้เงินที่จ่ายไปหลายงวดคืน จำนวน 6,000 ล้านบาท ตนจะทำแต่วันนี้ไม่สามารถได้คืน ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวต้องเห็นใจกองทัพเรือ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับจีนด้วย ทั้งนี้เศรษฐกิจที่จะทำร่วมกันกับจีนจะมีประโยชน์ร่วมกัน 2 แสนล้านบาทแต่หากนำปัญหาเรือดำน้ำมาเป็นข้อขัดแย้งไม่คุ้ม

ภาพถ่ายหน้าจอ 2567 01 04 เวลา 18.15.29

“ได้ถามอัยการสูงสุดในข้อตกลงที่ทำไปนั้น จะยกเลิกได้หรือไม่ หรือจะเดินหน้าอย่างไร ทั้งนี้ผมเชื่อว่าจะรอไม่เกิน 2 วัน อัยการสูงสุดจะตอบมา ซึ่งผมเชื่อว่าจะได้แนวทางเดินซึ่งมีฐานรองรับคำอธิบายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หากจะเดินหน้าแบบเดิมต้องไม่เสียเงิน 6,000 ล้านบาท แต่หากผิดสัญญาจีนต้องคืนเงิน แต่มีปัญหาในระยะเริ่มต้นคือไทยเคยผิดข้อตกลงเพราะจ่ายเงินไม่ตรงในช่วงที่มีโควิด” นายสุทิน กล่าว

รมว.กลาโหม ชี้แจงถึงการกู้เรือหลวงสุโขทัยด้วยว่า การดึงเรือขึ้นมา ทีโออาร์ต้องกู้เรือในสภาพที่สมบูรณ์ทั้งลำ ไม่เอาชิ้นส่วน เพื่อพิสูจน์หาหลักฐาน แต่โคลนทะเลท่วมเรือจำเป็นต้องนำโคลนออก ซึ่งไม่ใช่การทำลายหลักฐาน เพราะตนเชื่อว่าหลักฐานไม่สามารถทำลายได้ด้วยการล้างโคลน ตนยืนยันว่าการดำเนินการไม่มีนอกไม่มีในแน่นอน ตามงบที่ตั้งไว้

ส่วนประเด็นกองทัพเรือที่มีพันธกิจที่เกี่ยวกับรันเวย์ที่อีอีซี รวมถึงการกู้เงิน 1.6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ตนทราบข้อเท็จจริงว่ากองทัพเรือไม่อยากทำ แต่รัฐบาลขอร้องให้ช่วยเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนอีอีซี โดยให้รับผิดชอบสนามบินอู่ตะเภา ที่กองทัพเรือเป็นเจ้าของโดยทำให้เป็นสนามบินพาณิชย์ รวมถึงใช้เนื้อที่กองทัพเรือน 7,000 ไร่ เพื่อทำอีอีซี

“กองทัพต้องตั้งงบประมาณเพื่อลงโครงการอีอีซี ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้งบประมาณที่เพิ่มขึ้นเพื่อนำมาใช้ในโครงการอีอีซี รวมถึงดำเนินการกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการ ดังนั้นอีอีซีเป็นภารกิจที่จำเป็น ซึ่งไม่ใช่การเพิ่มงบทั่วไป และไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่โปร่งใสเพราะบอร์ดอีอีซีจับตาดู” รมช.กลาโหม ชี้แจง

นายสุทิน ชี้แจงต่อประเด็นที่วิจารณ์เรื่องการซื้ออาวุธระบุว่ายุคสุทินดาวน์น้อย เพราะต้องการผ่อนนาน แต่ข้อเท็จจริงคือ มีเม็ดเงิน 15% ต้องจ่ายล่วงหน้าที่เหลือต้องจ่ายจริง ทั้งนี้ขอเงินดาวน์ไป 20% แต่สำนักงบประมาณตัดเหลือ 15% เพราะปีงบประมาณ 67 เหลือเวลาใช้งบเพียง 4 เดือน กังวลว่าใช้งบประมาณไม่ทัน ไม่ใช่กรณีดาวน์น้อย เพื่อผ่อนนาน ขณะที่ประเด็นทหารกองพลพัฒนา ตั้งงบน้ำซ้ำซ้อนกับแหล่งน้ำอื่น 30% ทำให้คนเข้าใจผิด เพราะนำงบน้ำบาดาลมาเปรียบเทียบ ทั้งที่ยืนยันว่าตั้งงบไม่ซ้ำซ้อน เพราะจะสำรวจพื้นที่ก่อน

“ผมเป็น รมว.กลาโหม ไม่ลืมจุดยืนเดิม และต้องการให้กองทัพทันสมัย พยายามทำทุกอย่าง แต่ต้องใช้เวลา กลยุทธ์ขอเวลาพิสุจน์ แต่ยืนยันไม่เข้ามาเพื่อซูเอี๋ย หรืออวยกองทัพ” นายสุทิน ชี้แจง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo