Politics

ไร้ทางออก เปลี่ยน ‘เรือดำน้ำ’ เป็น ‘ฟริเกต’

“สุทิน” เผยผลถกตัวแทนบริษัทจีน ไร้ทางออก เปลี่ยน “เรือดำน้ำ” เป็น “ฟริเกต” เชื่อติดเงื่อนไขบริษัทขาดทุน รอเจรจาจีน ธ.ค.นี้ 

ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเข้าชมงานนิทรรศการอุปกรณ์ป้องกันประเทศหรือ difense  & Security 2023 ถึงความคืบหน้าการเจรจากับตัวแทน บริษัท CSOC รับต่อเรือดำน้ำให้กองทัพไทย หลังขอเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต ว่า การเจรจากับตัวแทนบริษัทจีนวันนี้เป็นการพูดคุยกับคณะของกองทัพเรือ นำโดย พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วย ผบ.ทร.ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นการพูดคุยระดับวงเล็ก และได้รับรายงานมาว่าบริษัทไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต้องเป็นหน่วยงานระดับรัฐ เพราะเขาอยู่ภายใต้รัฐบาลจีน ต้องรอการตัดสินใจของรัฐบาลจีนเท่านั้น

เรือดำน้ำ

อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อว่าการเจรจาเพื่อขอเปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกต มีความเป็นไปได้ เพียงแต่ต้องพูดคุยกันอีกสักระยะ มีหลายอย่างที่ต้องปรับจูน ตกลงกันให้ได้ ส่วนข้อติดขัดนั้นทางบริษัทจีนยังไม่ได้บอกรายละเอียด แต่น่าจะเป็นนโยบายของบริษัทจีนเอง เพราะเขาได้ผลิตและลงทุนแล้ว เราไม่ซื้อเขาจะมีปัญหา เรื่องขาดทุน เป็นเรื่องที่ รัฐบาลต้องหาทางดูแลชดเชย ซึ่งต้องจบกันที่ระดับนโยบาย คงไม่จบที่ระดับปฏิบัติ

เมื่อถามถึงท่าทีของกองทัพเรือยังยืนยันที่จะเอาเรือดำน้ำติดเครื่องยนต์จีน นายสุทิน กล่าวว่า ก็ไม่ทราบ แต่ที่เป็นทางการ เขาเสนอทางออกหลายทาง แน่นอนเข้าใจได้ ว่ากองทัพเรืออยากได้เรือดำน้ำและเราก็อยากให้ แต่มันเป็นเหตุสุดวิสัย เราไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ซึ่งทางกองทัพเรือก็ยอมรับว่าอยากได้ แต่เมื่อไม่ได้จะทำอย่างไร

เมื่อถามว่ามีทางออกที่ 3 หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า คงมี แต่ทางกองทัพเรือ เสนอมาเพียง 2 ข้อก่อน ก็คือไม่เรือฟรีเกต ก็เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง หรือ เรือ OPV แต่อาจจะมองเป็นทางออกที่ 3 ก็ได้ เขาบอกว่าของเก่าหากได้ก็เอา

เมื่อถามว่าสามารถบอกให้ชัดได้หรือไม่ว่าจะไปพูดคุยกับรัฐบาลจีนเมื่อไหร่ นายสุทิน กล่าวว่า ขอให้ระดับนโยบายพูดคุยกันก่อน ซึ่งเชื่อจะคุยภายในธันวาคมนี้ แต่ยังระบุวันที่ชัดเจนไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่าทางจีนจะพร้อมเมื่อไหร่ เชื่อว่าก่อนปีใหม่น่าจะจบ

“ยืนยันว่ายังเป็นแนวทางเดิมคือเรือฟริเกต ขอเดินไปในแนวทางนั้นก่อน เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเจรจาไปแล้วจะลงตัวอย่างไร” นายสุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าหากเจรจาไม่ลงตัว ต้องกลับไปแนวทางเดิมเรือดำน้ำใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ใช่ ถ้าเป็นเครื่องยนต์เยอรมัน ก็โอเค

เมื่อถามย้ำว่า ประเด็นหลักที่กองทัพเรือได้พูดคุยกับ ตัวแทนบริษัทจีนคืออะไร นายสุทินกล่าวว่า การพูดคุยเรื่องการเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต

เมื่อถามว่าหากเรือดำน้ำสุดท้ายแล้วต้องติดเครื่องยนต์จีนรับได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ต้องเป็นมติของครม.ไม่ใช่สุทินคนเดียว เพราะเป็นการแก้ไข TOR การแก้ไขเงื่อนไขข้อตกลง หากต้องกลับมาแนวทางนี้ก็ต้องเป็นการตัดสินใจของครม. อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี อยากให้จบโดยให้เป็นไปตามข้อตกลง หรือ ใกล้เคียงข้อตกลงมากที่สุดและกฎหมายทำได้รวมถึงกองทัพได้ประโยชน์ ประเทศไม่เสียประโยชน์นายกฯยึดหลักนี้อยู่

เมื่อถามว่าทาง ทร.ได้รายงานมาอย่างไรบ้างจากการที่ได้พูดคุยกับตัวแทนบริษัทจีน นายสุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้รายงานเพราะยังคุยไม่จบและกำลังพูดคุยกันอยู่

เมื่อถามว่าหากกองทัพเรือต้องการให้พิจารณาเรือดำน้ำจีนอีกครั้งต้องมีข้อมูลอะไรมาเสนอหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาเขาก็พิจารณาในแง่ของเทคโนโลยี แต่ต้องพิจารณาข้อกฎหมายประกอบข้อตกลงรวมถึงระเบียบราชการของไทย เพราะฉะนั้นแม้เทคโนโลยีจะได้ แต่กฎหมายทำได้หรือไม่รวมถึงระเบียบปฏิบัติ คนอนุมัติ คนเซ็น ทำได้หรือไม่ อันนี้ในรายงานเขาไม่ได้เอาปัจจัยนี้มาประกอบ

เมื่อถามว่า ขนาดแค่เปลี่ยนเครื่องยนต์ยังยุ่งยากขนาดนี้ แต่เปลี่ยนเรือทั้งลำจะไม่ยุ่งยากกว่าหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า อยู่ที่การเริ่มต้นและเจตนา ซึ่งเจตนาเราอยากทำให้ถูกกฎหมาย แต่ถ้าของเดิมไม่ถูกกฎหมายแต่ไปบิดให้ถูกกฎหมาย

เมื่อถามว่าเข้าใจกองทัพเรือหรือยังว่าทำไมจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ นายสุทิน กล่าวว่า ความจริง แม้ไม่ได้มานั่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหมก็เข้าใจว่าเพื่อนบ้านมี เราก็ควรมี แต่ของเรา พอจะมี ก็มีปัญหาในทางปฏิบัติ ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากให้เขาได้ แต่ก็เกิดปัญหาเช่นนี้ หากจีนได้เครื่องยนต์เยอรมันมาติดให้ก็จบ เราไม่ได้ขัดข้องอะไร

เมื่อถามว่ากองทัพเรือควรมองหาเทคโนโลยีอื่นมาทดแทนเรือดำน้ำหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็ที่คุยกันที่เสนอมาก็ต้องหาเทคโนโลยีปราบเรือดำน้ำนั่นก็คือเรือฟริเกต 3 มิติ

ที่มา แนวหน้า

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo