“รองอ๋อง” เปิดเหตุผล 3 ข้อเดินหน้าทำสภาฯ โปร่งใส น้อมรับมติของพรรคก้าวไกล ยันไม่กระทบต่อการทำหน้าที่รองประธานสภาฯ
แม้ทางเลือกหนึ่งคือการลาออกจากการเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส. คนหนึ่งของพรรคก้าวไกล แต่หลังจากพิจารณาไตร่ตองอย่างถี่ถ้วนถึงผลกระทบของการตัดสินใจของผมต่อการขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงที่ผมได้ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนในวันที่ผมเข้ามารับตำแหน่งรองประธานสภาฯ ผมจึงได้ตัดสินใจแจ้งกับคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลชุดใหม่ ว่าผมประสงค์จะทำหน้าที่ต่อในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำให้ผมไม่สามารถเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลได้อีกต่อไป ผมมีเหตุผลประกอบการตัดสินใจ 3 ส่วน ดังนี้
1.ผมต้องการใช้วาระที่เหลือของสภา ในการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร ให้มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพสูง และเป็นของประชาชน
สภาโปร่งใส: ผมจะขับเคลื่อนให้สภาฯ มีการจัดเก็บและเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานสากล ซึ่งรวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำงานของสภาฯ ในรูปแบบที่วิเคราะห์ต่อได้ (เช่น สถานะร่างกฎหมาย ผลการลงมติ รายงานการประชุม ชวเลขการถาม-ตอบกระทู้สด งบประมาณสภาฯ) การกำหนดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมคณะกรรมาธิการ การยกระดับระบบสืบค้นข้อมูลของเว็บไซต์สภาฯ การพัฒนาระบบตรวจจับใบหน้า (face detection) เพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน
สภาประสิทธิภาพสูง: ผมจะขับเคลื่อนให้สภาฯ นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน ผ่านการออกนโยบาย Cloud First Policy ที่จะนำไปสู่การประหยัดต้นทุนด้านธุรการและความปลอดภัยในการเก็บเอกสาร รวมถึงการขับเคลื่อนให้สภาคำนึงถึงความยั่งยืนในการบริหารจัดการ ผ่านการส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานสะอาดในอาคารรัฐสภา และการอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่และผู้ใช้บริการในการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า
สภาของประชาชน: ผมจะขับเคลื่อนให้สภายึดโยงกับประชาชนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองในระบบรัฐสภา ผ่านการเพิ่มการมีส่วนร่วมของเยาวชน การเปิดใช้พื้นที่รองรับกิจกรรมและการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน การจัดสภาสัญจรเพื่อนำพากลไกสภาไปใกล้ชิดประชาชนทุกพื้นที่ และการตรวจรับสภาให้ไม่มีการทุจริตและการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชนเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม
2. ผมต้องปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาอย่างเป็นกลางต่อทุกพรรคการเมืองในสภา และต่อประชาชนทุกชุดความคิด ไม่ว่าผมจะสังกัดพรรคใด ดังนั้น การที่ผมต้องเปลี่ยนพรรคต้นสังกัด จะไม่กระทบต่อการทำหน้าที่และแผนงานของผมในฐานะรองประธานสภา
3. ผมมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถดูแลความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกได้อย่างครบถ้วน ที่ผ่านมา การทำหน้าที่รองประธานสภาของผม ทำให้ผมจำเป็นต้องพัฒนาทีมงานพรรคก้าวไกลในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะพื้นที่เขต 1 เพื่อเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการประสานการแก้ไขปัญหาในพื้นที่
ดังนั้น ผมมั่นใจว่าทีมงานของพรรคก้าวไกลในจังหวัดพิษณุโลก จะมีศักยภาพเต็มที่ในการทำงานดูแลพี่น้องประชาชนชาวพิษณุโลกเขต 1 ร่วมกับผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล จังหวัดพิษณุโลกเขต 5 (ศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ) ขณะที่ผมเองก็ยังคงทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก เขต 1 ควบคู่ไปกับบทบาทรองประธานสภาฯ ให้ดีที่สุด
ผมน้อมรับมติของพรรคก้าวไกลที่ต้องการทำหน้าที่ “ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์” และตัดสินใจให้สมาชิกภาพของผมในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกลยุติลง จากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าผมจะไปสังกัดพรรคการเมืองใด ผมจะผลักดันการยกระดับการทำงานของสภาอย่างเต็มที่ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ ในฐานะรองประธานสภาที่เป็นกลางต่อทุกพรรค และรองประธานสภาของพี่น้องประชาชนทุกคน
- ‘วันนอร์’ ปัดวิจารณ์ ‘ก้าวไกล’ขับ ‘หมออ๋อง’พ้นพรรค เชื่อไร้ปัญหา
- ด่วน! ‘ก้าวไกล’ ขับ ‘หมออ๋อง’ พ้นสมาชิกพรรค
- ‘โฆษกรัฐบาล’ อัดก้าวไกลจ้องหาเรื่อง! ทั้งที่รู้ว่า ‘นายกฯ’ ติดภารกิจเยือนกัมพูชา