“ชูวิทย์” ชี้คดีรีดเงิน 140 ล้าน เปิดศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ สงสัยไทยมี 3 หน่วยงาน ยิ่งจับกุมเว็บพนันกลับเพิ่มมากขึ้น
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์คดีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ยื่นฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ จากกรณีที่นายษิทราจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนระหว่าง วันที่ 23, 24-27 มี.ค.66 ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาระบุว่า นายชูวิทย์รับเงินจากเว็บการพนันออนไลน์ และสารวัตรซัว จำนวน 10 ล้านบาท พร้อมเผยแพร่ภาพกราฟิกภาพถุงกระดาษบรรจุเงิน 2 ถุง ทำให้เนื้อหาข่าวถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนอย่างกว้างขวาง เป็นเหตุให้นายชูวิทย์ และลูกชายต้องเสื่อมเสียชื่อเสีย เพราะนายษิทรายังกล่าวหาว่าลูกชายชูวิทย์ รับเงินสกุลดิจิทัลด้วย
โดยนายชูวิทย์ กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดี พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีต ผบก.ภ.จ.ชลบุรี กับผู้เกี่ยวข้องประเด็นรีดทรัพย์ผู้ต้องหา จำนวน 140 ล้านบาท และต่อมานายชูวิทย์โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการแซะเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ. ตร) คนใหม่ที่กำลังจะมีการพิจารณาในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ว่า วันนี้ประเทศไทยค่อนข้างประหลาด จากตำรวจเป็นโจร โจรเป็นตำรวจ ตามปกติแล้วไม่มีโจรที่ไหนอยากไปมีเรื่องกับตำรวจ แต่เหตุการณ์นี้คงจะมากเกินไป มีความรักมากเกินไปและแค้นมากจน ทำให้โจรต้องมาแจ้งจับตำรวจ เหมือนสมัยที่ตนช่วงที่ทำกิจการอาบอบนวด และออกมาเปิดเผยตำรวจที่เรียกรับเงิน ก็เพราะว่าตัวเลขที่เรียกมามากเกินไปจนทำให้ตนต้องออกมาแฉ ส่วนกรณีของนายเป้ อาจจะแตกต่างตรงที่มีผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากถูกรีดเงินจำนวนมากและต่อเนื่องเป็นเวลานานจนไม่มีทางออกและตัดสินใจออกมาเปิดโปง
สำหรับตัวละครสำคัญอยู่ที่คนชื่อ นายบอย แหล่งข่าวตนรายงานว่าจะมามอบตัวช่วงบ่ายของวันนี้ ความสำคัญของนายบอย เป็นผู้เจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ต้องหา ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงตั้งแต่สมัยของหลงจู๊สมชาย ผู้กว้างขวางย่านตะวันออก เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินมาก คิดว่าถ้ามีการมอบตัวน่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจสีเทาของฝั่งตะวันออก เพราะนายบอย มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน ทำให้มีบทบาท ในการรีดเงินต่างๆ และมีความเป็นไปได้บอย น่าจะมีเส้นสายมากกว่า นายต้น ซึ่งเป็นสองคนที่เกี่ยวกับการรีดทรัพย์
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ที่ตนบอกว่าให้จับตาดูให้ดีเพราะตำแหน่งผบ.ตร.ยังไม่ลงตัว ในส่วนของผบก.ภ.จ.ชลบุรี ถือว่าเป็นหมากตัวหนึ่ง หากจะกระทำการเองก็คงจะทำไม่ได้ เพราะความรู้ความสามารถอาจจะไม่พอ เรื่องนี้ตนจึงคิดว่ามีคนที่ใหญ่กว่านั้นรู้เรื่องมากกว่า
“ที่ผ่านมาการจ่ายเงินของเว็บไซต์พนันมีราคาสูงมาก สำหรับประเทศไทยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 3 หน่วยงาน แต่เว็บพนันเหล่านี้ก็ไม่ได้ลดลง ฉะนั้นจึงต้องติดตามว่ารัฐบาลใหม่ที่มาจะจัดการเรื่องนี้ได้เพิ่มขึ้นมากหรือไม่ เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่น กลายเป็นเรื่องปกติกลายเป็นเรื่องความรัก รักมากต้องจ่ายมาก ” นายชูวิทย์กล่าว ส่วนวลี “เป้รักผู้การเท่าไร ให้เป้เขียนมา” เป็นคำพูดที่มีการร่างบทมาก่อน ส่วนผู้การฯจะเป็นคนพูดเองหรือไม่ตนไม่ขอพูด
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า การที่ผู้ต้องหาอย่างนายเป้มาแจ้งความตำรวจถือว่าเป็นเรื่องที่ประหลาด ถ้าโจรไม่ได้ถูกบีบขนาดนั้นคงจะไม่กล้าที่จะมาแจ้งความตำรวจ เกมนี้ที่มองเห็นอาจจะมีอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้น ในระยะเวลาที่ไม่นานที่จะมีการผลัดเปลี่ยนตำแหน่งทุกคนก็จะต้องแสดงผลงาน ส่วนตนเองรู้มากกว่านั้นแต่พูดตรงๆว่าไม่ อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ใช่เรื่องของตน ไม่ใช่ศึกของตน ส่วนผู้ที่แข่งกันทำผลงานในฐานะแคนดิเดต ผบ.ตร. มีทั้งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และรองผบ.ตร.คนอื่นๆ ต่างก็ต้องแข่งขันสร้างผลงาน เป็นเรื่องปกติ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ชูวิทย์’ เล่าศึกวงการสีกากี ลั่นศึกนี้แรงจริง ใครไม่เกี่ยว โปรดอย่ายุ่ง
- เครื่องจักรสังหารการเมือง เริ่มแล้ว! ‘ชูวิทย์’ ลั่นสมการ ‘ก้าวไกล’ เป็นฝ่ายค้านเริ่มขยับ
- ‘ชูวิทย์’ แฉอีก! ‘ตำรวจสายแฟชั่น’ กอส. ชื่อย่อ ณ รุ่นเดียวร.ต.อ.นักร้อง
