“พรรคก้าวไกล” ฟาดกระทรวงดิจิทัลฯ เห็นผลงานแค่ “บล็อกเว็บไซต์” นโยบาย Single Digital ID ไม่คืบ แนะ 5 เรื่องวางรากฐานประเทศ
พรรคก้าวไกล โพสต์เพจเฟซบุ๊ก ถึงการทำงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยระบุว่า
รู้สึกหรือไม่ ว่าการที่เราต้องกรอกชื่อ-ที่อยู่ตามบัตรประชาชนทุกครั้งที่เราต้องไปติดต่อขอรับบริการจากหน่วยราชการนั้นเป็นปัญหา ?
ทำไมหลังจากที่รัฐบาลไทยพูดถึงนโยบาย Single Digital ID มาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปี แต่ทุกครั้งที่ประชาชนต้องการรับสวัสดิการจากรัฐ ยังต้องเดินทางไปที่หน่วยงานเพื่อกรอกข้อมูลใหม่ทุกครั้ง?
นี่คือปัญหาเล็ก ๆ ที่เชื่อมโยงถึงปัญหาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่สำคัญของประเทศ
ที่ผ่านมา ถ้าพูดถึงบทบาทกระทรวงฯ นอกจากการ บล็อกเว็บไซต์ แล้ว พวกเราคิดถึงหน้าที่อื่นไม่ออก แต่เรามองเห็นศักยภาพที่อยู่ในภารกิจของกระทรวงในการวางรากฐานอนาคตของประเทศอย่างน้อย 5 อย่างด้วยกัน
1. Single Digital ID
ทำให้บัตรประชาชนของเราใบเดียว หรือเลข 13 หลัก สามารถเชื่อมต่อฐานข้อมูลกันระหว่างหน่วยงานรัฐทั้งหมด ขอรับบริการอะไร แค่ยื่นบัตรประชาชน หรือกรอกเลขบัตรประชาชนทางอินเตอร์เน็ตก็สามารถรับบริการได้ทันที
แม้จะพูดกันมาแล้วหลายรัฐบาล แต่ผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงไม่มีความเข้าใจเทคโนโลยีเพียงพอ ทำให้ความคืบหน้าของโครงการย่ำอยู่กับที่
แต่ในรัฐบาลของพรรคก้าวไกล พวกเราจะเข้าไปทุบโต๊ะเพื่อเชื่อมโยงระบบข้อมูลของหลายหน่วยงานที่กระจัดกระจาย เพื่อรวมข้อมูลให้เหลือระบบเดียวให้ได้ ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอดให้นโยบายนี้เกิดได้จริง
2. โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล
โดยปกติเมื่อเราพูดถึงโครงสร้างพื้นฐาน เรามักจะคิดถึงถนน ทางด่วน หรือรถไฟความเร็วสูง แต่สำหรับพรรคก้าวไกล โครงสร้างพื้นฐานที่จะทำให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจของยุคปัจจุบัน คือโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน
ความฝันของพรรคก้าวไกลคือการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมข้อมูลทุกอย่างของภาครัฐและภาคเอกชน จัดเก็บในระบบฐานข้อมูลเดียว และเปิดให้ทุกคนนำไปใช้ประโยชน์ต่อยอดทางเศรษฐกิจและสังคมได้ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยและการรักษาสิทธิข้อมูลส่วนบุคคล
การทำให้ Megaproject ด้านข้อมูลนี้เกิดขึ้นให้ได้ จำเป็นต้องมีการทำงานทั้งในแง่ของกฎหมายและแพลตฟอร์ม อันเป็นภารกิจของพรรคก้าวไกล ที่จะต้องผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้
3. เปิดข้อมูลภาครัฐทั้งหมดให้เป็น รัฐเปิดเผย
สิ่งที่เปิดได้ทันที คือข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดจะต้องออกมาในรูปแบบที่เข้าถึงและตรวจสอบได้ เอกสารงบประมาณ และทุกเอกสารราชการจะต้องเปลี่ยนจาก pdf ที่สแกนมาจากกระดาษ ให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถดึงออกมาประมวลผล
รวมทั้งการประชุมต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐ จะต้องมีการไลฟ์สดการประชุมให้ประชาชนสามารถสืบค้นได้ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลก้าวไกลต้องการผลักดัน
4. การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลคนใหม่ทำได้ทันที คือ การนั่งหัวโต๊ะ และเรียกคุยกับทุก social media platform ให้บังคับใช้ การยืนยันตัวตนโดยใช้หลายปัจจัย (Multi-Factor Authentication; MFA) ให้ทุกส่วนราชการที่เปิดช่องทาง social media ต้องลงทะเบียนอีกชั้น ซึ่งจะแก้ปัญหาการที่เพจหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ถูกแฮคได้
สิ่งนี้ทำได้เลยไม่ต้องรอจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ต้องใช้งบประมาณ เพจหน่วยงานไหนที่ไม่ทำตามมาตรฐานความปลอดภัย ก็จะถูกระงับการใช้งานไปก่อน จนกว่าจะปฏิบัติตามมาตรฐาน
ส่วนในระยะยาว รัฐบาลพรรคก้าวไกลจะทำให้ Cloud กลางภาครัฐเกิดขึ้นจริง เพื่อป้องกันระบบจากการถูกแฮค และผลักดันกฎหมาย Data Protection Act เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่มีมาตรฐานมากขึ้น
5. ยุบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และเลิกบทบาทปิดกั้นสิทธิเสรีภาพทั้งหมด
การบอกว่าอะไรจริงหรือไม่จริงไม่ใช่หน้าที่ของรัฐ หน้าที่ของรัฐ คือการเปิดให้สังคมทุกภาคส่วนเข้ามาตรวจสอบ ถกเถียง และนำเสนอชุดความจริงจากฝั่งของตนเอง
โมเดลที่ดีคือเหมือน Co-Fact ของไต้หวัน ซึ่งเป็นศูนย์ที่ดำเนินการโดยองค์กรสื่อ สมาคมสื่อ และภาคประชาสังคม
กระทรวงดิจิทัล ภายใต้รัฐบาลพรรคก้าวไกล จะไม่ใช่กระทรวงที่มีหน้าที่บล็อกเว็บไซต์ แต่จะต้องเป็นกระทรวงที่เอื้อต่อสังคม ที่ทำให้เกิดสิทธิและเสรีภาพ หนึ่งใน 45 กฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอ คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่จะยกเลิกอำนาจรัฐในการปิดปากประชาชน
หลายคนอาจคิดว่ากระทรวงที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนประเทศ คือ กระทรวงเกรด A++ ที่มีงบประมาณเยอะ หรือมีอำนาจมากในการให้คุณให้โทษข้าราชการ
แต่สำหรับพรรคก้าวไกล กระทรวงที่เป็นฟันเฟืองตัวแรก ในการพลิกโฉมอนาคตของประเทศ คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ก้าวไกล’ เชื่อแบบนำส่งงบการเงิน ‘ไอทีวี’ ปี 65 เป็นการรายงานเท็จ
- 1 เดือนหลังเลือกตั้ง ‘ก้าวไกล’ ร่ายยาว ‘ว่าที่ ส.ส.’ เดินหน้าทำงานเปลี่ยนประเทศ
- กระทรวงดิจิทัลฯ เริ่มแจ้งความ ‘ผู้ใช้โซเชียลฯ-สื่อ’ ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน