‘มะเร็งปอด’ สาเหตุอันดับ 2 คร่าชีวิตคนไทย แนะสังเกต ‘สัญาณเตือน’ เพราะตรวจพบยาก พร้อมเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรค
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย (เป็นอันดับ 2 ในผู้ชายรองจากมะเร็งตับ และ เป็นอันดับ 1 ในผู้หญิง) การตรวจคัดกรองให้พบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และมีอัตราการตายสูง
สาเหตุการเกิดโรค
สาเหตุสำคัญ ได้แก่
- การสูบบุหรี่รวมถึงยามวนต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของโรคมะเs็งปอด ผู้สูบบุหรี่อาจมีโอกาสเป็นมะเs็งปอดมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 เท่า รวมถึงผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่เองโดยตรง แต่สูดดมจากบุหรี่ที่ผู้อื่นสูบก็มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป เพราะในควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากกว่า 60 ชนิด
- ได้รับแร่ใยหิน (แอสเบสตอส) เป็นแร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่นการก่อสร้าง โครงสร้างอาคาร ผ้าเบรค ฉนวนกันความร้อน ผู้เสี่ยงคือผู้ที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแอสเบสตอสปนเบื้อนเป็นเวลานาน อาจใช้เวลา 15-35 ปี ในการทำให้เกิดมะเs็งปอด สำหรับผู้ไม่สูบบุหรี่แต่ทำงานกับฝุ่นแอสเบสตอส อาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเs็งปอดมากกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า
- สาเหตุอื่นๆ มลภาวะเช่น PM 2.5 สารเบนซิน ฟอร์มาลดีฮายด์ เป็นต้น อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมะเs็งปอดจำนวนมาก ไม่เคยมีประวัติสูบบุหรี่ หรือ แอสเบสตอส มาก่อน
ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการคัดกรองโรคมะเs็งปอดที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เมื่อผู้ป่วยมีอาการผิดปกติมักจะเป็นโรคในระยะที่ลุกลามไปแล้ว ทำให้การตรวจพบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และ มีอัตราตายสูง วิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบันจึงเป็นการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
แนะสังเกตุอาการน่าสงสัย
อาการที่น่าสงสัยว่าอาจเป็นโรคมะเร็งปอดได้แก่ ไอเรื้อรังติดต่อกันมากกว่า 2 สัปดาห์ ไอเป็นเลือดหรือมีเสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอก น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร บางรายอาจมีไข้ต่ำ ๆ หรือมีปอดติดเชื้อซ้ำซาก
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า จริงๆแล้วอาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะเจาะจงกับมะเs็งปอด อาจพบในโรคอื่นได้ เช่น วัณโรคปอด หากมีอาการสงสัยต้องทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
การวินิจฉัย ทำโดยการถ่ายภาพรังสีปอด (X-ray หรือ CT scan) ร่วมกับการตรวจหาเซลมะเร็งเช่นการตรวจจากเสมหะ หรือการตัดชิ้นเนื้อจากปอดมาตรวจ
เมื่อพบว่าเป็นมะเs็งปอดแน่นอนแล้ว แพทย์จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้ป่วยและญาติร่วมตัดสินใจ โดยพิจารณาจากชนิดของมะเร็ง ระยะโรคและการลุกลาม ความแข็งแรงของผู้ป่วยเป็นหลัก
สำหรับการรักษามีทั้งการผ่าตัด การใช้ยา การฉายแสง หรือรักษาร่วมกันหลายวิธี เนื่องจากมะเs็งปอดการตรวจคัดกรองให้พบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และ มีอัตราตายสูง
ดังนั้นการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น งดสูบบุหรี่ ป้องกันตัวจากการสัมผัสแร่ใยหิน หรือ มลภาวะ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย และ รีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไทยพบแล้ว 1 ราย! โอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ ‘BA.2.75.2’
- สธ.ยืนยัน ผลการศึกษา ‘ยาฟาวิพิราเวียร์’ รักษาโควิดได้ ในกลุ่มเสี่ยงต่ำ ทำให้การรุนแรงดีขึ้น
- นักวิจัยญี่ปุ่น ชี้ การอุบัติของ ‘โอไมครอน’ อาจไม่ใช่การกลายพันธุ์?