กรมการแพทย์ แนะ 3 ขั้นตอน สร้างเกราะภูมิคุ้มกัน 3 ชั้น ป้องกันโรคไข้เลือดออกในเด็ก
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดี กรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ด้วยสภาพอากาศค่อนข้างร้อนชื้นประเทศไทย จะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสเดงกี
บวกกับมีฝนตกและมีความเสี่ยงสูงขึ้นทำให้เกิดแหล่งน้ำขังได้ในหลายพื้นที่ ทำให้ลูกน้ำยุงลายมีปริมาณมาก และเจริญเติบโตได้ดี โอกาสที่จะแพร่ระบาดก็เพิ่มมากขึ้น
สำหรับกลุ่มอายุที่พบเป็นโรคดังกล่าวมากคือ กลุ่มเด็กอายุระหว่าง 10-14 ปี ในขณะที่กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเสียชีวิตสูง เมื่อป่วยเป็นไข้เลือดออก คือ กลุ่มเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวว่า การป้องกันไข้เลือดออก สามารถทำได้ 3 ขั้นตอน เปรียบเสมือนเป็นการสร้างเกราะภูมิคุ้มกันถึง 3 ชั้น ดังนี้
เกราะคุ้มกันชั้นที่ 1. การป้องกันตัวเองและบุตรหลานไม่ให้ยุงกัด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ทายากันยุง ติดมุ้งลวด นอนในมุ้ง
เกราะคุ้มกันชั้นที่ 2. การช่วยกันกำจัดทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย ปิดฝาอุปกรณ์เก็บกักน้ำ เช่น โอ่ง ไม่ให้ยุงลายวางไข่
เกราะคุ้มกันชั้นที่ 3. การไปพบแพทย์เมื่อป่วยเป็นไข้ ควรติดตามอาการ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
นอกจากนี้ ยังมีเกราะคุ้มกันเสริม โดยแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 ปี จนถึงผู้ใหญ่อายุ 45 ปี ที่เคยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกแล้วเท่านั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไข้เลือดออก’ ยอดเสียชีวิตพุ่ง 167% แนะ มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค ลดลูกน้ำยุงลาย
- ไขข้อสงสัย คนไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่เพิ่ม ยังต้องฉีดเข็มกระตุ้นหรือรอวัคซีนรุ่นใหม่ดี
- ปอดอักเสบลึกลับที่อาร์เจนตินา ‘ลีเจียนแนร์’ เกิดจากอะไร กลุ่มไหนเสี่ยงสุด