‘ไข้เลือดออก’ ยอดเสียชีวิตพุ่ง 167% กรมควมคุมโรค แนะ มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค ประสานทุกจังหวัด ลดลูกน้ำยุงลาย
วันนี้ (31 ส.ค. 65) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยหลายพื้นที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และเกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลาย เป็นพาหะของโรคไข้เลือดoอก และโรคอื่นๆ เช่น โรคไข้ซิกา โรคไข้ปวดข้อยุงลาย
เสียชีวิตสูงกว่าปีที่แล้ว 167%
โดยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 29 สิงหาคม 2565 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกจำนวน 19,380 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว 16 ราย ซึ่งปีนี้มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงกว่าปีที่แล้วถึง 167%
เนื่องจากมีการผ่อนคลายมาตรการของโรคโควิด 19 ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางและไปทำกิจกรรมในสถานที่สาธารณะได้มากขึ้น เช่น โรงเรียน สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ทำงาน
และจากการสำรวจลูกน้ำยุงลายของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พบว่า ร้อยละ 40 – 60 ของโรงเรียน วัด โรงแรม รีสอร์ท โรงงาน และสถานที่ราชการ มีลูกน้ำยุงลาย จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลืoดออกในปีนี้
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า ให้ดำเนินการมาตรการเร่งรัดการควบคุมการระบาดโรคไข้เลือดoอก โดยขอความร่วมมือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เร่งดำเนินการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน โดยผ่านกลไกของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ
มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค
กรมควบคุมโรค ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคไข้เลือดoอก ป้องกันการเกิดของยุงลาย โดยปฏิบัติตามมาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค คือ
- เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุงลาย
- เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
- เก็บ-ปิดฝาภาชนะเก็บน้ำให้มิดชิด เพื่อป้องกันยุงลายมาวางไข่ ป้องกันยุงกัด เช่น การทายากันยุง นอนในมุ้ง ใช้ยาจุดกันยุง ใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว เป็นต้น และป้องกันการเสียชีวิต
โดยหากมีบุตรหลานหรือคนในครอบครัว มีไข้สูงเกิน 2 วัน เช็ดตัวหรือกินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลด หรือไข้ลดแต่กลับมาสูงอีก ขอให้คิดว่าอาจป่วยด้วยโรคไข้เลือดอoก ไม่ควรรับประทานยาลดไข้กลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพรินและไอบูโพร- เฟน เพราะยาเหล่านี้จะทำให้มีอาการเลือดออกมากขึ้นและเสียชีวิตได้ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้
การปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว สามารถป้องกันได้ทั้งโรคไข้เลืoดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคไข้ซิกา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- แย่แล้ว! ‘BA.5’ พบปริมาณไวรัส ในคอ-จมูก น้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ตรวจ ATK ไม่เจอ
- ‘โควิด’ สายพันธุ์ครองโลก ‘BA. 5’ ติดเชื้อไม่มีอาการถึง 40% หรือนี่จะเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์?
- ดร.อนันต์ เผยผลวิจัย พบ ‘BA.2.75’ เชื้อเพิ่มจำนวนในปอด ได้มากกว่า ‘โอไมครอน’ ทุกสายพันธุ์