General

‘เทพไท’ เปิดเบื้องลึก ‘จุรินทร์’ ยอมรับ มีส่วนสำคัญนำ ‘ปริญญ์’ เข้าพรรค

“เทพไท” เปิดเบื้องลึก “จุรินทร์” ยอมรับมีส่วนสำคัญนำ “ปริญญ์” เข้าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งยังได้เป็นรองหัวหน้าพรรค แม้จะมีคุณสมบัติไม่ครบ ชื่นชมเป็น “สุภาพบุรุษ” ที่ยอมรับความจริง

วันนี้ (21 เม.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เทพไท เสนพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ตัวเองมีส่วนสำคัญในการนำ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เข้าเป็นรองหัวหน้าพรรค โดยระบุว่า

ปริญญ์

ทำไม นายจุรินทร์ จึงยอมรับว่า มีส่วนสำคัญ ในการนำนายปริญญ์เข้าพรรค

จากการที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และต้องขอถือโอกาสนี้ กราบขอโทษกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะหัวหน้าพรรคขอเรียนว่า ตนมีส่วนสำคัญในการนำนายปริญญ์เข้าพรรค

แม้ว่ากระบวนการจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค และการดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จะต้องผ่านการลงคะแนนให้ความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ก็ตาม หรือแม้แต่กรณีที่เราไม่อาจจะทราบการณ์ล่วงหน้าว่า จะเกิดอะไร ขึ้นอย่างไร

แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นมา ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องรับผิดชอบ ต้องร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด

ผมคิดว่าคำพูดของนายจุรินทร์ที่ยอมรับว่า มีส่วนสำคัญในการนำ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เข้าเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำให้สังคมอยากรู้ว่า มีส่วนสำคัญอย่างไร จึงขออนุญาตอธิบายตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ดังนี้

ปริญญ์

1. นายปริญญ์ เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งเพิ่งเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ การเข้าสู่ตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค ต้องมีคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรค ข้อ 31 ระบุว่า สมาชิกผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกตั้ง เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่สมาชิกที่มีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

  • เป็นหรือเคยเป็นกรรมการบริหารพรรค
  • เป็นหรือเคยเป็นคณะกรรมการสาขาพรรค
  • เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรค
  • เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค
  • เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง
  • สมาชิกที่ประชุมใหญ่ มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมใหญ่ มีมติให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค

ถ้าพิจารณาตามข้อบังคับพรรค นายปริญญ์ ขาดคุณสมบัติการเข้าเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำให้นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ใช้สิทธิ์เสนอตามข้อ 31(6) ขอให้ที่ประชุมใหญ่ มีมติยกเว้นคุณสมบัติ เพื่อให้นายปริญญ์ มีคุณสมบัติเป็นรองหัวหน้าพรรคได้

ปริญญ์

จึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนายจุรินทร์ ที่เป็นผู้เสนอชื่อนายปริญญ์ ให้ที่ประชุมใหญ่รับรองเข้าเป็นรองหัวหน้าพรรค ซึ่งที่ประชุมใหญ่ได้ให้การรับรอง เปรียบเสมือนการล็อกสเปกตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จากโควต้าของหัวหน้าพรรค

2. เมื่อมีกระแสข่าวว่านายจุรินทร์ จะเสนอชื่อนายปริญญ์ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำให้มีสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง ที่ทราบประวัติของนายปริญญ์มาก่อน ได้เข้าให้ข้อมูลและท้วงติงเกี่ยวกับประวัตินายปริญญ์ต่อนายจุรินทร์

แต่เมื่อนายจุรินทร์ยืนยันที่จะใช้สิทธิ์เสนอชื่อ นายปริญญ์เป็นรองหัวหน้าพรรค ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่สามารถกระทำได้

3. การเสนอชื่อ นายปริญญ์ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค เพื่อทำภารกิจเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย ต้องการให้เข้ามาแทนที่บทบาทของนายกรณ์ จาติกวณิชย์ อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค เพราะนายกรณ์ เป็นคู่แข่งขันในตำแหน่งหัวหน้าพรรค กับนายจุรินทร์

การที่นายจุรินทร์ออกมาแถลงยอมรับว่า เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการนำ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เป็นรองหัวหน้าพรรคนั้น เป็นการแสดงถึงความเป็นสุภาพบุรุษ ที่ยอมรับความจริง เป็นคำพูดที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งที่ผ่านมา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo