General

‘อาจารย์เจษฎ์’ ไขปริศนา ‘กล่องดำ’ ทำจากอะไร ทำไมเครื่องบินตกแล้วไม่พัง

“อาจารย์เจษฎ์” เผยที่มาของ กล่องดำ ทำจากอะไร มีความสำคัญอย่างไร ทำไมเครื่องบินตกแล้วไม่พัง 

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ เรื่อง กล่องดำ ทำจากอะไร ทำไมเครื่องบินตกแล้วไม่พัง โดยระบุว่า

กล่องดำ ทำจากอะไร

จากเหตุการณ์อุบัติเหตุทางอากาศครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อวานนี้ ของเครื่องบินโดยสาร สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ซึ่งพุ่งตกในพื้นที่ภูเขาของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน จนเสียชีวิตหมดทั้งลำ

และเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ค้นพบ หนึ่งใน “กล่องดำ” จำนวน 2 กล่องของเครื่องบินโดยสารที่ประสบเหตุแล้ว (ดูรูปประกอบ) โดยสภาพภายนอกพังเสียหายอย่างรุนแรง แต่สภาพหน่วยจัดเก็บข้อมูลค่อนข้างสมบูรณ์ แม้เกิดความเสียหายบางส่วน

ได้คำถามตามมาจากลูกเพจ ว่ากล่องดำนี้มันคืออะไร ทำจากวัสดุอะไรกัน แล้วทำไมเวลาเครื่องบินตกจนพังไฟไหม้ทั้งลำแบบนี้ กล่องดำถึงยังไม่พังตามไปด้วย ?? เลยไปค้นข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังครับ

เรียบเรียงจาก https://tonkit360.com/76308 อ้างอิงความรู้จาก ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

กล่องดำ (Black Box) คือ อุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบิน โดยเครื่องบินทั่วไปจะต้องติดตั้ง กล่องดำ ตามกฎด้านการบิน ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ โดยจะมีกล่องดำ 2 กล่อง สำหรับบันทึกข้อมูลการบินเพื่อใช้จำลองเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเกิดอุบัติเหตุ แล้วนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุต่อไป

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์

กล่องดำทั้ง 2 ได้แก่

1. The Cockpit Voice Recorder (CVR) ทำหน้าที่บันทึกเสียงพูดของนักบิน รวมทั้งเสียงอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในห้องนักบิน โดยถ้าเป็นแบบแถบแม่เหล็ก จะสามารถบันทึกประมาณ 30 นาที แล้วขึ้นรอบใหม่ แต่ถ้าเป็นแบบหน่วยความจำ จะบันทึกได้รอบละประมาณ 2 ชั่วโมง

2. The Flight Data Recorder (FDR) ทำหน้าที่บันทึกสภาวะต่าง ๆ ในระหว่างปฏิบัติการบิน ได้แก่ เวลา ระยะสูง ความเร็ว อัตราเร่งตามแนวดิ่ง ทิศทาง ตำแหน่งคันบังคับและอุปกรณ์บังคับการบินอื่น ๆ ตำแหน่งของแพนหางระดับ ท่าทางของเครื่องบิน อัตราการไหลของเชื้อเพลิง เป็นต้น

ข้อมูลที่ได้จะช่วยให้สามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวของการบินได้ ทำให้รู้เหตุการณ์สุดท้ายระหว่างการบินก่อนเกิดอุบัติเหตุ

ตัวกล่องจริง ๆ ที่ใช้ในปัจจุบันนั้นไม่ได้มีสีดำ แต่จะมี สีแสดสะดุดตา มีตัวอักษร FLIGHT RECORDER DO NOT OPEN ข้างกล่อง และติดแถบสะท้อนแสง ทำให้กล่องดำสังเกตเห็นง่ายที่สุดว่ามันอยู่ที่ไหน จะได้เก็บกู้มาเป็นหลักฐานต่อไป

แต่มันเคยมีสีดำมาก่อนจริง ๆ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้จะเป็นความลับ ถูกห่อหุ้มด้วยกล่องหรือตัวเรือนสีดำที่ไม่สะท้อนแสง หรือไม่ก็เรียกตามสภาพที่เก็บกู้ได้ ส่วนใหญ่จะไหม้ไฟเพราะการระเบิด

กล่องดำ1

กล่องดำมักจะติดตั้งไว้ใน ส่วนท้ายของเครื่องบิน เพราะมีโอกาสที่จะคงสภาพสมบูรณ์ที่สุดเมื่อเทียบกับส่วนอื่น

ส่วนของ Crash-Serviable Memory Unit (CSMU) ของทั้งกล่อง CVR และกล่อง FDR จะถูกออกแบบให้ทนทาน ทนความร้อน ทนไฟ กันน้ำ ทนแรงกระแทก ทนแรงกด

เปิดที่มา กล่องดำ ทำจากอะไร

กล่องห่อหุ้มด้วยสเตนเลสสตีลหรือไททาเนียม ที่ทนทานต่อการกัดกร่อน 2 ชั้น พร้อมฉนวนกันความร้อนอุณหภูมิสูง และต้องผ่านการทดสอบเหล่านี้ เช่น

  • ยิงอุปกรณ์นี้ให้กระทบเป้าอะลูมิเนียมเพื่อให้เกิดแรงกระแทก 3,400G
  • ทดสอบความทนต่อการเจาะ โดยปล่อยก้อนน้ำหนักขนาด 227 กิโลกรัม ที่มีเข็มเหล็กขนาด 0.25 นิ้ว อยู่ด้านล่างให้กระทบลงบน CSMU จากความสูง 3 เมตร
  • ทดสอบด้วยแรงกด 5,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เป็นเวลา 5 นาที ทุก ๆ ด้าน
  • เผาด้วยความร้อน 1,100 °C นาน 1 ชั่วโมง
  • แช่ในน้ำเค็มนาน 24 ชั่วโมง (กรณีเครื่องบินตกทะเล)
  • แช่น้ำนาน 30 วัน
  • ทดสอบความทนทานต่อของเหลวอื่น ๆ เช่น เชื้อเพลิงเครื่องบิน น้ำมันหล่อลื่น สารเคมีดับเพลิง

เครื่องบันทึกแต่ละเครื่องจะต้องมีเครื่องแจ้งตำแหน่งใต้น้ำ หรือเรียกว่า Pinger ด้วย จะทำงานเมื่อจมน้ำ โดยส่งคลื่นเสียงความถี่ที่ 37.5 kHz ได้จากความลึกถึงราว ๆ 4 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะใช้อุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่า Pinger Locator System (PLS) ลากไปในน้ำ เพื่อรับสัญญาณจาก Pinger เพื่อค้นหาตำแหน่งของกล่องดำ

เมื่อพบกล่องดำแล้ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะต้องทำการเก็บกู้และขนส่งอย่างระมัดระวัง ให้คงสภาวะเดิมและเสียหายให้น้อยที่สุด คงสภาพแวดล้อม ณ บริเวณที่พบไว้ด้วย

หากพบในน้ำ เครื่องบันทึกจะถูกส่งไปตรวจสอบโดยบรรจุในถังพร้อมกับน้ำ เพราะเกรงว่าหากเครื่องบันทึกแห้ง ข้อมูลอาจสูญหายไปเนื่องจากสภาพแวดล้อมเปลี่ยน จากนั้นจะนำไปเข้ากระบวนการตรวจสอบ

ถ้าเครื่องบันทึกไม่เสียหายมาก เจ้าหน้าที่สามารถรู้ข้อมูลได้ภายใน 2-3 นาที เพียงต่อเครื่องบันทึกเข้ากับเครื่องอ่าน แต่หากบุบสลายหรือถูกไฟไหม้ เจ้าหน้าที่จะถอดแผงหน่วยความจำออกมาทำความสะอาด แล้วค่อยเชื่อมต่อกับเครื่องบันทึกอีกเครื่องหนึ่ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo