General

สั่งฟัน!!คลินิกไลฟ์สด ‘รีแพร์ช่องคลอด’ ผิดวัฒนธรรม กฎหมายสถานพยาบาล

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เรียกสอบคลินิก ไลฟ์สด รีแพร์ช่องคลอด เผยแพร่ภาพไม่เหมาะสม ผิดวัฒนธรรมอันดี และกฎหมายสถานพยาบาล

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรณีคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง ย่านวังทองหลาง ทำการไลฟ์สดระหว่างให้บริการผ่าตัดตกแต่งช่องคลอด หรือที่ประชาชนเรียกติดปากว่า รีแพร์ช่องคลอด นั้น กรม สบส. ได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน

รีแพร์ช่องคลอด

ทั้งนี้ เนื่องจากการไลฟ์สดในลักษณะดังกล่าว อาจจะมีการแอบแฝงโฆษณา หรือมีการแสดงภาพที่ไม่เหมาะสม ในระหว่างการรับบริการ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกผู้เกี่ยวข้องของคลินิก มาให้ถ้อยคำที่ กรม สบส. ก่อนดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย

การกระทำดังกล่าว ถือว่าผิดกฎหมาย พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 38 ในฐานโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุมัติ และโฆษณาโดยใช้ข้อความ เสียง หรือภาพอันเป็นเท็จ โอ้อวดเกินความจริง หรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ

สำหรับการไลฟ์สดรีวิว (Review) บริการของสถานพยาบาลนั้น หลายคนอาจคิดว่าเป็นการให้ความรู้ หรือข้อแนะนำบริการ มิได้เป็นการกระทำผิดกฎหมาย

แต่จากการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ในการไลฟ์สดที่ผ่านมานั้น ไม่ว่าจะกระทำโดยบุคลากรของสถานพยาบาล หรือผู้รับบริการ ก็มักจะมีการแอบแฝงคำพูดโฆษณา เชิญชวนให้เข้ารับบริการกับสถานพยาบาล หรือมีการแสดงภาพที่ไม่เหมาะสม ผิดวัฒนธรรม ศีลธรรมอันดีงาม

ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบว่าผู้ให้บริการ หรือผู้รับบริการทำการไลฟ์สดระหว่างรับบริการ หรือรีวิวบริการในสถานพยาบาล จะต้องห้ามปราม หรือทักท้วงให้หยุดการกระทำดังกล่าว

กรณีปล่อยปละละเลยมิห้ามปรามแล้ว สถานพยาบาลเองก็จะเข้าข่ายความผิด ในฐานยินยอมให้บุคคลอื่นโฆษณาสถานพยาบาลแทน โดยมิได้รับอนุญาต หรือโฆษณาเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง อีกทั้งแพทย์ผู้ให้บริการก็อาจจะมีความผิด ในฐานละเมิดสิทธิ์ของผู้ป่วย และผิดจรรยาบรรณทางการแพทย์อีกด้วย

ในส่วนของประชาชน หากพบเห็นเบาะแสการโฆษณาสถานพยาบาลในลักษณะที่เป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง หรือมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมขัดต่อศีลธรรม สามารถแจ้งเบาะแสการกระทำผิดได้ที่สายด่วน กรม สบส. 1426  หรือในภูมิภาค แจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo