วันนี้ (27 ต.ค.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณีที่สินค้าไทยถูกสหรัฐระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) จำนวน 573 รายการว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่กระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก
อย่างที่ทราบกันดีว่า ขณะนี้การส่งออกมีปัญหาอยู่แล้ว จากเงินบาทที่แข็งค่ามาก ประกอบกับสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องสงครามการค้านี้ ไทยยังมีโอกาส จากที่สหรัฐไม่ซื้อสินค้าหลายอย่างจากจีน ไทยก็อาจเข้าเป็นตัวแทนได้ แต่เมื่อถูกตัดจีเอสพพี และตัวสินค้าที่เป็นธุรกิจกลุ่มเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ ยกเว้นธุรกิจรายใหญ่อย่างชิ้นส่วนยานยนต์ จึงทำให้กระทบคนส่วนใหญ่ และยังอาจนำไปสู่การเลิกจ้างแรงงาน ซึ่งคาดว่าในปี 2563 อาจทำให้เกิดผู้ที่ถูกเลิกจ้าง และตกงาน 500,000 คน
เรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งเจรจา และหาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมถึงถูกตัดจีเอสพี และแก้ให้ถูกจุด ดูว่าจะสามารถเจรจากับสหรัฐได้อย่างไร ในฐานะคู่ค้า ประเทศไทยจะต้องไม่เป็นลูกไล่ของประเทศใด ไทยมีศักดิ์ศรีที่ทัดเทียมกับทุกประเทศ
“เราต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าเขาใช้เหตุผลอะไรมาตัดจีเอสพี และเราจะยกเรื่องอะไรมาต่อสู้ เพื่อยกอำนาจการต่อรองกับเขา สหรัฐเองก็ต้องพึ่งพาเราหลายเรื่อง ขณะเดียวกัน เราต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันหลายเรื่องเช่นเดียวกัน ดังนั้นการตัดจีเอสพีโดยที่เหตุผลไม่พอ รัฐบาลก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตัดจีเอสพีครั้งนี้ มีมูลค่าถึง 40,000 ล้านบาท จะต้องกระทบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำด้วยว่า เมื่อสหรัฐตัดจีเอสพีไทยโดยไม่แจ้งล่วงหน้า จึงสามารถที่จะเจรจาได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องรอเวทีที่จะมีการประชุมร่วม และถือเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องเจรจาหาสาเหตุให้ได้ ในส่วนของสหรัฐ ก็ขอให้พิจารณาบนพื้นฐานข้อมูลที่เป็นธรรมกับประเทศไทย และเปิดทางการพูดคุย
- ‘พาณิชย์’ เปิดโพย 573 สินค้าถูกตัดจีเอสพี ยันกระทบส่งออกแค่ 0.01%
- ‘อดีตรมว.พลังงาน’ แนะรัฐเร่งเจรจาคู่ค้าหลักช่วยส่งออก หลังโดนสหรัฐตัดจีเอสพี
- แจงสินค้าไทยเสียสิทธิภาษีสหรัฐไม่ถึง 2 พันล้าน ยันไม่เกี่ยว ‘แบนสารเคมี’
- กังขา!! ปมสหรัฐตัดสิทธิ GSP สินค้าไทย
- ‘ทรัมป์’ สั่งระงับสถานะ ‘ปลอดภาษี’ สินค้าไทยเกือบ 4 หมื่นล้าน อ้างปัญหาสิทธิแรงงาน