ตำรวจย้ำ เสพ-ครอบครองยาบ้า ไม่เกิน 5 เม็ด ยังคงมีความผิดตามกฎหมายยาเสพติด มาตรา 107, 164 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ!
พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ถึงประเด็นเรื่อง กฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ผู้เสพ หรือผู้ครอบครองยาเสพติดไม่เกิน 5 เม็ด ไม่มีโทษอีกต่อไปนั้น เป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 ลงวันที่ 31 มกราคม 2567 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 นั้น
มีโทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
กฎกระทรวงดังกล่าวได้ประกาศออกมาตามความในมาตรา 24 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 และ มาตรา 107 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นข้อสันนิษฐานว่า การครอบครองยาเสพติดในปริมาณเล็กน้อยตามที่กำหนด ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ถือว่าผู้นั้นเป็นป่วย ต้องได้รับการบำบัดรักษาเพื่อให้หายจากการติดยาเสพติดและกลับเข้าสู่สังคมนั้น
การเสพยาเสพติดยังคงมีโทษอยู่ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 104, 162 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทังจำทั้งปรับ แต่หากผู้เสพสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาและเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด และดำเนินการเข้ารับการบำบัดจนครบถ้วน ก็จะไม่มีความผิด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 113
ทั้งนี้ บทลงโทษทางกฎหมายยังคงมีอยู่ ซึ่งกฎหมายนี้มีเจตนารมย์ที่จะช่วยเหลือ ให้เข้ารับบำบัดโดยไม่เอาผิดทางอาญา หรือการลดการเป็นอาชญากรรมของผู้เสพ (decriminalization) “มองผู้เสพ เป็นผู้ป่วย” ใช้กระบวนการทางสาธารณสุขและสุขภาพในการแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติด
มีไว้เพื่อเสพจำคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนการครอบครองยาเสพติดในปริมาณเล็กน้อยไว้เพื่อเสพ เช่น ยาบ้า ไม่เกิน 5 เม็ด หรือ ไอซ์ ไม่เกิน 100 มิลลิกรัม หรือยาเค มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 ยังคงเป็นความผิดฐาน “ครอบครองเพื่อเสพ” ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 107, 164 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
แต่หากผู้ครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพ สมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษา และดำเนินการเข้ารับการบำบัดจนครบถ้วน ก็จะไม่มีความผิด ตาม ม.113 เช่นกัน
เสพ–ครอบครองยาเสพติดทุกชนิด ผิดตามกฎหมาย
รองโฆษก ตร. กล่าวว่า การครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพ แบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
- กรณีที่ 1 การครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพตามพฤติกรรมอันแท้จริง เช่น มียาบ้า 10 เม็ด แม้จะมีปริมาณเกินกว่าที่กฎกระทรวงกำหนด แต่หากข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่าง ๆ ยืนยันได้ว่า ยาบ้าจำนวน 10 เม็ดนั้น มีไว้เพื่อเสพจริง ไม่มีพฤติการณ์หรือประวัติในการจำหน่ายยาเสพติด มีผลตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะ เช่นนี้ มีความผิดฐาน ครอบครองเพื่อเสพ
- กรณีที่ 2 การครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพปริมาณเล็กน้อยไม่เกินที่กำหนด เช่น ยาบ้า ไม่เกิน 5 เม็ด หรือ ไอซ์ ไม่เกิน 100 มิลลิกรัม หรือยาเค มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม ตาม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 หากไม่มีพฤติการณ์หรือประวัติในการจำหน่ายยาเสพติด เช่นนี้ มีความผิดฐาน ครอบครองเพื่อเสพ
“ขอเรียนประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชนได้รับทราบว่า การเสพยาเสพติดทุกชนิดประเภท การครอบครองยาเสพติดทุกชนิดประเภท ไม่ว่าจำนวนเท่าใดยังคงเป็นความผิดตามกฎหมาย ถูกจับกุม ดำเนินคดีได้” พ.ต.อ.อุเทนฯ ย้ำ
อ่านข่าวเพิมเติม
- นายกฯ แจงดราม่า ‘ยา บ้า 5 เม็ด’ หากไม่เหมาะสมเปลี่ยนได้
- ราชกิจจาฯ ประกาศแล้ว ยา บ้า 5 เม็ด เป็นผู้เสพ พร้อมกำหนดปริมาณยาเสพติดชนิดอื่นๆ
- ‘นพ.ชลน่าน’ ชี้ออกประกาศ ‘ช่อดอกกัญชา’ กลับเป็นยาเสพติดไม่ได้ เป็นอำนาจ บอร์ดป.ป.ส.
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx