General

กทม. ห่วงภัยแล้ง หลัง ‘ปริมาณฝน’ น้อยกว่าเกณฑ์ 38% ประสานกรมชลฯ ดูแลพื้นที่เกษตรฝั่งตะวันออก

กทม. ห่วงภัยแล้ง หลัง “ปริมาณฝน” น้อยกว่าเกณฑ์ถึง 38% ประสานกรมชลฯ ดูแลพื้นที่เกษตรฝั่งตะวันออก 1 แสนไร่

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลัง เป็นประธานการประชุมการเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบจากสถานการณ์เอลนีโญ ในพื้นที่ด้านตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ว่า กทม.กังวลเรื่องภัยแล้ง โดยเฉพาะเกษตรกรอยู่บริเวณกรุงเทพฝั่งตะวันออก ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 100,000 ไร่ เกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องน้ำ  ซึ่งดูปริมาณน้ำฝนที่ตกพบต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยถึง 38%

กทม. ได้เชิญกรมชลประทานมาให้ข้อมูล พบว่าน้ำในเขื่อนทั้งจากเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังพอในการใช้ที่จะแบ่งปันลงมา ยังไม่ต้องกังวลมาก แต่ยังคงมีมาตรการในการเตรียมการรองรับ ซึ่งก็เป็นข่าวที่ทำให้เราสบายใจขึ้น แต่กทม.ไม่ประมาทภายหลังจากที่ได้ฟังความคิดเห็นของนายกสมาคมชาวนา สภาเกษตรกรในพื้นที่

ภัยแล้ง

ช่วยพื้นที่เกษตรฝังตะวันออกของกรุงเทพ

โดยได้มีข้อสั่งการ ดังนี้

  • เรื่องแรก มอบหมายสำนักการระบายน้ำและกรมชลประทานประสานงานกันอย่างเข้มข้น ทั้งด้านการพยากรณ์ การเตรียมรับมือทั้งภัย แล้งและภัยน้ำท่วม รวมทั้งการอัปเดตวิธีการระบายน้ำ เนื่องจากแผนที่ของกรมชลประทานและสำนักการระบายน้ำมีข้อขัดแย้งกัน ทางสำนักการระบายน้ำเน้นป้องกันน้ำท่วม ด้านกรมชลประทานเน้นเรื่องเกษตรกรรม เป็นคนละบทบาท หลังจากนี้ต้องเป็นเนื้อเดียวกันให้ได้
  • เรื่องที่ 2 จัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสามารถตอบ แก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว มอบหมายสำนักงานเขตหนองจอกเป็นเจ้าภาพและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเกษตรกร สำนักระบายน้ำ กรมชลประทาน มาตั้งเป็นศูนย์ทำงานร่วมกันเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชนได้อย่างรวดเร็วภัยแล้ง
  • เรื่องที่ 3 ในพื้นที่เกษตรกรรม เกษตรกรจะมีข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องน้ำเยอะก็ให้รับฟังความคิดเห็นของเกษตรกรและนำไปปรับปรุง เช่น มีจุดที่อยากจะให้มีการสูบน้ำจากคลองแสนแสบมาเป็นน้ำต้นทุนในการทำเกษตร แต่ว่าเครื่องปั้มน้ำไปไม่ถึงเรื่องนี้ต้องไปดู หรือคลองบางคลองที่อาจจะมีการเน่าเสีย มีการขุดลอกที่ไม่พอเพียง รวมทั้งการบริหารจัดการทำนบน้ำ
  • เรื่องที่ 4 การให้ข้อมูลเกษตรกรรมแก่เกษตรกร เช่น เรื่องการปลูก การหว่านเมื่อไหร่ ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำที่เกิดขึ้นรวมทั้งการทำเกษตรทดแทน การปลูกพืชหน้าแล้ง เช่น แตงโม แคนตาลูป ซึ่งก็ได้ราคาดี แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องการตลาด ดังนั้นทางกรุงเทพมหานครก็ต้องช่วยเร่งในเรื่องการหาตลาดให้กับพี่น้องเกษตรกร

ภัยแล้ง

แก้ปัญหา PM2.5

อีกเรื่องคือ เรื่องเครื่องอัดฟาง ซึ่งเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกษตรกรลดการเผา ลดฝุ่น PM 2.5 ถ้าเกษตรกรมีต้นทุนถูกในการมัดฟาง ฟางที่อาจจะขายเป็นอาหารสัตว์หรือเอาไปทำอย่างอื่นได้ แต่ให้เกษตรกรไปเช่าเครื่องอัดฟางเอง ทำให้เกิดต้นทุนและทำให้เขามีแรงจูงใจในการเผามากขึ้น เรื่องนี้ได้สั่งการสำนักพัฒนาสังคมเร่งจัดหาเครื่องอัดฟางมาให้เกษตรกรในพื้นที่ใช้เพื่อลดการเผาและลดการเกิดฝุ่น PM 2.5

ภัยแล้ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo