General

‘หมอธีระวัฒน์’ แนะเลี่ยงสารให้ความหวานในเครื่องดื่มไร้น้ำตาล เสี่ยงหัวใจวาย อัมพฤกษ์

“หมอธีระวัฒน์” ยกผลศึกษาสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล พบสาร erythritol เพิ่มความเสี่ยงหัวใจวาย อัมพฤกษ์ แนะบริโภคผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติป้องกันตนเอง

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha เรื่อง สารหวานในเครื่องดื่มไร้น้ำตาล เสี่ยงหัวใจวาย อัมพฤกษ์ โดยระบุว่า

สารให้ความหวาน

สารหวานในเครื่องดื่มไร้น้ำตาล เสี่ยงหัวใจวาย อัมพฤกษ์

(มีคำอธิบายว่าจะใช้หญ้าหวานได้หรือไม่ และมีคำอธิบายในเรื่องปริมาณขนาดที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของเลือดข้น และมีผลต่อเส้นเลือด มีคำอธิบายที่มาของการศึกษาที่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่รายงานในปี 2556 จนมาถึงปัจจุบันนี้)

นับเป็น 10 ปีมาแล้ว ที่มีการใช้สารน้ำตาลเทียมเพิ่มหรือแทนความหวานที่ได้จากน้ำตาล ทั้งนี้เพื่อตอบสนองกับคนที่มีโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคที่เรียกว่า เมตาบอลิก ซินโดรม (Metabolic syndrome) ที่เป็นกลุ่มอาการที่จะต่อติดต่อเนื่อง ตามกันมา

จากอ้วน ดื้ออินซูลิน เบาหวาน ไขมันสูง มีภาวะเส้นเลือดผิดปกติ และนำไปสู่โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ จนกระทั่งถึงมะเร็ง ด้วยการที่มีสารอักเสบก่อตัวในร่างกาย ทุกระบบและในสมอง จนเร่งสมองเสื่อมให้เกิดขึ้นเร็วและรุนแรง และพิสูจน์แล้วว่าเร่งความแก่ชราให้มากขึ้น

และสารทดแทนเหล่านี้ ได้มีการรับรองความปลอดภัยจากองค์กรกลางต่าง ๆ ที่ทำการประเมิน และมีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก

แต่กระนั้น การติดตามภาวะสุขภาพในคนที่ได้รับสารหวานเทียมเหล่านี้ เริ่มมีรายงานออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ในปี 2543 เป็นต้นมา ถึงผลที่อาจไม่พึงประสงค์ รวมทั้งแทนที่จะเกิดประโยชน์ กลับมีโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่สามารถอธิบายได้ โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับเส้นเลือดตีบ

แต่เนื่องจากเป็นการศึกษาที่ไม่ทอดระยะเวลานานนัก และไม่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ หรือการเป็นสาเหตุได้ชัดเจน เนื่องจากมีตัวแปร และปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ข้อมูลยังมีความคลุมเครืออยู่

รายงานในวารสาร เนเจอร์ 27 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นงานต่อเนื่องตั้งแต่การค้นพบความสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ในลำไส้ กับการอักเสบ และเส้นเลือดตัน ที่รายงานในวารสารนิวอิงแลนด์และเนเจอร์ในปี 2556 ที่ตอกย้ำพิสูจน์ว่าการกินเนื้อแดง และไข่แดง จะเชื่อมโยงกับจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียไม่ดีในลำไส้ ที่สกัดและผลิตสารอักเสบออกมาชื่อ TMA และ TMAO

หมอธีระวัฒน์

ทั้งนี้ การลดการกินเนื้อและไข่แดง โดยที่หนักผัก ผลไม้ กากใย ถั่ว จะระงับการอักเสบดังกล่าว และเริ่มพบว่าสาร polyols ก็มีความสัมพันธ์ร่วม

งานในปี 2566 นี้พบว่าสาร erythritol ซึ่งอยู่ในกลุ่ม polyol ทำให้เกล็ดเลือดไวขึ้น จนเพิ่มความเสี่ยงของเส้นเลือดตัน

การศึกษาเริ่มจากเป็น un targeted metabolomics ในคน 1,157 รายที่มาประเมินความเสี่ยงของเส้นเลือดหัวใจ (discovery cohort) โดยได้ทำการสวนเส้นเลือดหัวใจ จนพบว่าระดับของสาร polyol โดยเฉพาะ erythritol สัมพันธ์กับโรคหัวใจ และอัมพฤกษ์มากขึ้น หลังจากติดตามสามปี จากการตรวจด้วย GC-MS แต่ทั้งนี้ บอกได้คร่าว ๆ และยังไม่สามารถเชื่อมโยงกับระดับปริมาณที่ชัดเจนได้

การศึกษาต่อมาเฉพาะเจาะจง targeted metabolomics คนอเมริกัน 2,149 ราย และคนในยุโรป 833 ราย (validation cohort) ที่มาตรวจประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจ  โดยมีข้อมูลความรุนแรง และการติดตามก่อนหน้านั้นหลายปี โดยใช้ตัวอย่างเลือดในคนอเมริกันจากรายงานของปี 2556 และควบรวมกับคนในยุโรป

ผลการศึกษา พบความสัมพันธ์ชัดเจน ระหว่างระดับของ erythritol กับความเสี่ยงที่สูงขึ้น จากการตรวจด้วย LC-MS (fourth versus first quartile adjusted hazard ratio (95% confidence interval), 1.80 (1.18-2.77) and 2.21 (1.20-4.07), respecti vely)

และการทดสอบการทำงานของเกล็ดเลือดพบว่า มีการกระตุ้นเพิ่มขึ้น ทั้งในหลอดทดลอง และเพิ่มการเกิดเส้นเลือดตันในหนูทดลอง

shutterstock 1587267376

การศึกษาต่อมา (interven tion study) เฉพาะเจาะจงโดยที่มีอาสาสมัคร 8 ราย กิน erythritol 30 กรัม ที่เป็นขนาดปกติในเครื่องดื่ม หรือในไอศกรีมคีโต พบระดับในเลือดสูง ลอยมากอยู่จนถึงสองวันถัดมา

ทั้งนี้ ในผลิตภัณฑ์อาหารที่พบอยู่ได้ทั่วไปนั้น จะมีปริมาณของสาร erythritol ในขนาดสูงมากกว่า 30 กรัมด้วยซ้ำ เพื่อเพิ่มความหวานให้มากขึ้น โดยที่อาจไม่ได้มีการระบุปริมาณที่ชัดเจน เนื่องจากถือว่าเป็นสารปลอดภัย

ผลที่ได้จาก รายงานนี้ อาจต้องมีการหาความสัมพันธ์เป็นเหตุเป็นผลเพิ่มขึ้น แม้ว่าการทดลองในรายงานนี้ จะมีผลการศึกษาในหนูทดลอง รวมกระทั่งถึงในอาสาสมัคร แม้ว่าจะมีจำนวนน้อยเพียง 8 ราย แต่การทดสอบของเกล็ดเลือดนั้น แสดงถึงปฏิกิริยาที่สูงขึ้นในระดับที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเส้นเลือดได้

คณะผู้วิจัยได้จุดประเด็นที่ควรต้องทำต่อจากนี้ ก็คือ การที่ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ควรที่จะแสดงปริมาณของสาร erythritol โดยอาจจะเป็นสารเดี่ยวที่ใส่เข้าไป หรือใส่เข้าไปร่วมกับสารที่เสมือนมาจากธรรมชาติ

เช่น จาก Monk fruit หล่อฮั่งก้วยและ Strevia หญ้าหวาน ที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 200 ถึง 400 เท่า และในผลิตภัณฑ์ต่าง อาจเพิ่มเติม erythritol เพื่อให้สะดวกแก่การผลิตในรูปของการบริโภคสำเร็จ

แต่จะรอให้มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงในอนาคต จากข้อมูลในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 นี้ ซึ่งไม่ทราบว่าจะต้องรอเวลาไปอีกกี่เดือนหรือกี่ปี

ควรหรือไม่ ที่ผู้บริโภคอาจจะต้องเตรียมตัวเอง ในการเลือกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มาจากธรรมชาติมากขึ้น ทั้งนี้ความหวานที่ได้จากผักผลไม้ ที่ต้องกินโดยที่เป็นในรูปของกากใยด้วย เป็นชิ้นเป็นผลเป็นเนื้อ โดยไม่ใช่คั้นเอาแต่น้ำและทิ้งกากใย ออกไป

ในรูปลักษณะนี้ ความหวานที่ได้จะปลอดภัย และแม้ว่า erythritol จะมีการสังเคราะห์ ขึ้นเองในร่างกายตามธรรมชาติ (endogenous) แต่ปริมาณที่เกิดขึ้น จะน้อยกว่า หรือต่ำกว่า ปริมาณที่มีผลกระตุ้น และทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นเลือดมาก

ความจำเป็นที่ต้องเข้าใกล้ธรรมชาติ เข้าใกล้มังสวิรัติ ลดแป้ง เนื้อสัตว์ แทนด้วยปลา และหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนด้วยสารเคมี และสารทดแทน เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และไม่เป็นภาระต่อตนเองครอบครัว สังคม และประเทศ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo