17 รพ.เอกชน เผยหลังร่วม เป็นหน่วยบริการมาตรา 7 3 เดือน รับส่งต่อผู้ป่วยบัตรทองแล้วกว่า 3,300 คน เพิ่มการเข้าถึงบริการดูแลรักษาคนกทม.
นางสาวดวงนภา พิเชษฐ์กุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า แม้ว่าระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะครอบคลุมการดูแลคนไทยทั้งประเทศแล้ว แต่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ยังพบอุปสรรคในการเข้ารับบริการของผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในพื้นที่
ทั้งนี้ ด้วยจำนวนประชากรในพื้นที่ซึ่งหนาแน่ ประกอบด้วยประชากรในพื้นที่ และประชากรแฝง หน่วยบริการที่มีจำนวนจำกัด หน่วยบริการที่ปิดเครือข่ายบริการ และหน่วยบริการปฐมภูมิใหม่ที่ยังไม่สามารถจัดหาหน่วยบริการรับส่งต่อได้ ทำให้เป็นอุปสรรคในการเข้ารับบริการของผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง
ดังนั้น สปสช. จึงเร่งแก้ไขปัญหา นอกจาก สปสช. เขต 13 กทม. ที่ประสานโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เข้าร่วมเป็นสถานพยาบาลตามมาตรา 7 กรณีเหตุสมควรแล้ว เพื่อดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง สำหรับกรณีเกินศักยภาพการรักษาของหน่วยบริการ หรือที่มีเหตุสมควร
พร้อมมอบให้ สายด่วน สปสช.1330 ทำหน้าที่ประสานส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับบริการในสถานพยาบาลตามมาตรา 7 กรณีเหตุสมควรในกรณีที่เกิดปัญหาการส่งต่อด้วย โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นมา
ด้าน นางบุญสิงห์ มีมะโน ผู้จัดการกอง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากข้อมูล สปสช. ณ วันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในพื้นที่ กทม. มีหน่วยบริการที่ร่วมดูแลผู้มีสิทธิบัตรทองทั้งสิ้น 1,300 แห่ง
ในจำนวนหน่วยบริการดังกล่าว แยกเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ 360 แห่ง หน่วยบริการรับส่งต่อเฉพาะด้าน 894 แห่ง และหน่วยบริการรับส่งต่อทุติยภูมิและตติยภูมิ 46 แห่ง
ที่ผ่านมาได้เพิ่มเติมสถานพยาบาลตามมาตรา 7 กรณีเหตุสมควรโดยมีโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลสมัครเข้าร่วม 17 แห่ง ทำให้ขยายจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยบัตรทองเพิ่ม 500 เตียง
ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลตามมาตรา 7 กรณีเหตุสมควรแล้ว จำนวน 3,368 ราย แยกเป็นบริกาผู้ป่วยนอก 2,739 ราย และผู้ป่วยใน 629 ราย
สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วม ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการให้กับผู้ป่วยบัตรทองที่อยู่ใน กทม. และปริมณฑลได้
สำหรับหลักเกณฑ์ในการส่งต่อสถานพยาบาลตามมาตรา 7 กรณีเหตุสมควรนี้ ย้ำว่าผู้ป่วยไม่สามารถ Walk in ได้เอง แต่ต้องเป็นการพิจารณา และส่งต่อจากโรงพยาบาลในระบบบัตรทองเท่านั้น และต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยเอง
นอกจากนี้ ต้องมีการประสานกับสถานพยาบาลตามมาตรา 7 ก่อนว่า จะรับดูแลผู้ป่วยหรือไม่ โดยหน่วยบริการต้นทางจะต้องบันทึกการส่งต่อผู้ป่วยใน Google Forms หรือโทรแจ้งผ่านสายด่วน 1330 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่รับเรื่องให้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สปสช. ชง สธ. 5 แนวทาง ลดภาระบุคลากรทางการแพทย์ แก้ปัญหาหมอลาออก
- 30 มิ.ย. นี้ สปสช. เปิดเวทีรับฟังความเห็น ‘กองทุนบัตรทอง’ ปี 66 เพื่อพัฒนาหลักประกันสุขภาพของคนไทย
- รากฟันเทียม ‘ฝีมือคนไทย’ ถูกกว่านำเข้า 10 เท่า สปสช. ให้ฟรี สูงวัยสิทธิ ‘บัตรทอง’