ข่าวดีแรงงาน ไทย-เกาหลีใต้ ลงนาม MOU จัดส่ง แรงงานเกษตรตามฤดูกาล แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร ช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงาน นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการจัดส่งแรงงานเกษตรตามฤดูกาล ระหว่างกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ราชอาณาจักรไทย และอำเภอจินอัน จังหวัดซอลลาบุก สาธารณรัฐเกาหลี (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING (MOU)
ทั้งนี้ มีนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน และนายชุนซอง จอน นายอําเภอจินอัน ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของสาธารณรัฐเกาหลี เป็นผู้ลงนาม ท่ามกลางสักขีพยานทั้งสองฝ่าย
นายสุชาติ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือกับอำเภอจินอันในครั้งนี้ เป็นการเปิดตลาดอีกประเภทให้กับแรงงานไทย โดยนำร่องจัดส่งแรงงานภาคเกษตรของไทย เข้ามาทำงานภาคเกษตรและประมงตามฤดูกาล (วีซ่า E-8) ตามโครงการจัดส่งแรงงานเกษตรตามฤดูกาล ซึ่งดำเนินการภายใต้กระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร
สืบเนื่องจากช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2565 ที่ตนได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน เยือนสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเจรจาขยายตลาดแรงงานไทย ซึ่งทางการเกาหลี ตอบรับเป็นอย่างดี จึงหารือร่วมกันมาโดยตลอด เพื่อขจัดปัญหา และอุปสรรค จนนำมาสู่ความสำเร็จในการบรรลุข้อตกร่วมกันในวันนี้
สำหรับสาระสำคัญของการลงนาม MOU ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันขับเคลื่อนกระบวนการจัดส่ง-รับแรงงานไทย เพื่อไปทำงานภาคเกษตรตามฤดูกาล ณ อำเภอจินอัน จังหวัดซอลลาบุก สาธารณรัฐเกาหลี ให้เกิดประโยชน์ บนหลักการพื้นฐานของความไว้วางใจและความเท่าเทียม และกำหนดมาตรการคุ้มครองแรงงานที่เหมาะสม
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า แรงงานตามฤดูกาล ได้รับสิทธิ และผลประโยชน์ ตามความเหมาะสม สร้างการป้องกัน และดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อต่อต้านการจัดส่ง และรับแรงงานตามฤดูกาล โดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการจ้างแรงงานตามฤดูกาลอย่างผิดกฎหมาย
ที่สำคัญ การจัดหาแรงงานตามฤดูกาล เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตร ในอำเภอจินอัน จังหวัดซอลลาบุก สาธารณรัฐเกาหลี
ความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยให้เกาหลีใต้แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวได้ ส่วนฝ่ายไทยแรงงานเกษตรที่ว่างเว้นจากฤดูกาล หรือว่างงานในระหว่างรอถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวในแต่ละปี จะสามารถเคลื่อนย้ายไปประกอบอาชีพอื่น ๆ ชั่วคราว ช่วยให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเกิดประโยชน์แก่ทั้ง 2 ฝ่าย
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ข้อดีของแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานด้วยวีซ่า E-8 คือ ไม่ต้องทดสอบทักษะภาษาเกาหลี ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของแรงงานไทย และผู้ที่เคยเดินทางไปทำงานแล้วยังสามารถไปซ้ำได้ในปีถัดไป
หลังจากนี้ อำเภอจินอัน จะรวบรวมความต้องการจ้างแรงงานจากนายจ้าง ตรวจสอบเอกสาร เพื่ออนุญาตการจ้างแรงงานไทย ก่อนส่งหนังสือแจ้งความต้องการแรงงาน (Demand letter) และสัญญาจ้าง (Employment contract) ให้กรมการจัดหางาน (ฝ่ายไทย) เพื่อประกาศรับสมัครคนหางานต่อไป
ในเบื้องต้น ทางการเกาหลี มีความต้องการจ้างแรงงาน ปีละไม่น้อยกว่า 5,000 คน เพื่อทำงานเพาะปลูก ปศุสัตว์ และประมง มีสัญญาจ้างไม่เกิน 5 เดือน รายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคาดว่าแรงงานไทยชุดแรกจะสามารถเดินทางไปทำงานได้ ภายใน 1 เดือน
สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้น ต้องอายุ 25-45 ปี มีการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกร หรือมีประสบการณ์งานเกษตร 1 ปีขึ้นไป ไม่มีประวัติอาชญากรรม หรือประวัติพำนักผิดกฎหมายในสาธารณรัฐเกาหลี หรือถูกห้ามเดินทางเข้าสาธารณรัฐเกาหลี ไม่เป็นโรคติดต่อรวมไปถึงวัณโรค ไม่ติดยาเสพติด ไม่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือให้กำเนิดบุตรไม่เกินหนึ่งปีนับจากวันสมัคร
นายชุนซอง จอน นายอําเภอจินอัน กล่าวว่า ขอขอบคุณฝ่ายไทย โดยกระทรวงแรงงาน ที่มาลงนาม MOU กันในวันนี้ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในเมืองจินอัน ทางเกาหลีใต้จะดูแลและให้ความคุ้มครองแรงงานไทยเป็นอย่างดี หากแรงงานคนใดอยู่ในระบบแรงงานซื่อสัตย์ จะให้เดินทางเข้ามาทำงาน แบบ Re-entry ได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- มุงด่วน!! รับช่างไทย ทำงานอู่ต่อเรือเกาหลีใต้ รายได้สูงสุดกว่า 1 แสนบาท
- โอกาสทองแรงงานไทย! ออสเตรเลีย ต้องการแรงงานช่างเชื่อม พร้อมให้เงินเดือนกว่า 1 แสนบาท
- บีโอไอ รุกดึงนักลงทุนเกาหลี หวังสร้าง ‘คลื่นลูกที่ 3′ การลงทุนเกาหลีในไทย