General

สภาองค์กรของผู้บริโภค จี้รัฐทบทวนการกำกับดูแล ‘สารกัมมันตรังสี’ หวั่นซ้ำรอย ‘ซีเซียม-137’

สภาองค์กรของผู้บริโภค แนะรัฐทบทวนการทำงาน ด้านการใช้สารกัมมันตรังสีใหม่ ป้องกันซ้ำรอยกรณี “ซีเซียม-137” เน้นปลอดภัย โปร่งใส สร้างความมั่นใจให้ประชาชน

ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง กรรมการนโยบาย สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า จากเหตุการณ์ ซีเซียม-137 หายไปและถูกพบปนเปื้อนในฝุ่นโลหะของโรงงานใน จ.ปราจีนบุรี ทำให้รัฐบาลไทยจำเป็นต้องทบทวนระบบการทำงานของภาครัฐ ในการใช้สารกัมมันตรังสีใหม่ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

ซีเซียม-137

ทั้งนี้ มองว่า จำเป็นต้องแยกบทบาทหน่วยงานกำกับดูแลออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ บทบาทภาครัฐในการออกหรือเพิกถอนใบอนุญาต และอีกบทบาทคือการกำกับดูแลผู้ประกอบการ (Supervisory Authority) ที่ใช้สารกัมมันตรังสี เพื่อทำให้ระบบการใช้สารกัมมันตรังสีในประเทศ รัดกุมมากขึ้น

ขณะนี้กลายเป็นว่าไทยมีเพียงหน่วยงานเดียวที่ทำหน้าที่ส่วนนี้ ขณะที่ในต่างประเทศอย่างเยอรมนีจะแยกบทบาทออกมาเพื่อถ่วงดุลอำนาจกัน

​หากไทยมีนโยบายการใช้สารกัมมันตรังสี จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้คนไทยว่า จะต้องมีการกำกับดูแลขั้นตอนการนำเข้า การขนส่ง การกักเก็บ การใช้งาน และการกำจัดขยะของสารกัมมันตรังสี โดยเฉพาะประเด็นของการ มีที่กักเก็บ เมื่อหมดอายุการใช้งานแล้ว เป็นอย่างดี ไม่มีการหลุดรอดออกมา

ทบทวน

กรณีของประเทศเยอรมนี จะมีการใช้ตัวบังเกอร์ที่รัฐกำหนด สำหรับกักเก็บสารกัมมันตรังสีไว้อย่างเดียว เนื่องจากว่าอายุของสารเหล่านี้มีอายุที่ยาวและมีอันตราย จึงจำเป็นต้องเก็บไว้ ไม่ให้รั่วไหลออกมาสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก

ดังนั้น จึงเกิดคำถามว่า ไทยมีที่เก็บสารกัมมันตรังสีที่ปลอดภัยหรือไม่ รวมถึงจำเป็นต้องจัดตั้งแผนรับมือและแผนการสื่อสารเมื่อเกิดภัยพิบัติในลักษณะนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน

ขณะนี้ เกิดความไม่ไว้วางใจของประชาชนที่อยู่โดยรอบโรงงานที่เกิดเหตุ จึงเห็นอีกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นภาครัฐจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ในการให้ข้อมูลกับประชาชนที่อยู่โดยรอบโรงงานเกิดเหตุ เพราะเขาจะได้รับรู้ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ระบบกักเก็บ

นอกจากนี้ ยังมอบว่า นโยบายการให้ข้อมูลของภาครัฐในปัจจุบัน ค่อนข้างที่จะมีการปกปิด และทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจ ในเรื่องความปลอดภัย ดังนั้น จึงเป็นความท้าทายของภาครัฐ ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา โดยต้องมีการทบทวนระบบการทำงาน

ตลอดจนการจัดทำแผนรับมือกับภัยพิบัติ จากการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี มีการฝึกซ้อมการใช้แผนและการกำกับดูแลไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะการที่สารกัมมันตรังสีรั่วไหลนั้นเป็นภัยพิบัติที่ไม่สามารถควบคุมได้สามารถขยายความเสียหายได้เป็นวงกว้าง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo