สธ. เร่ง ‘ผลิตจิตแพทย์’ 400 คนใน 5 ปี รองรับ ‘ผู้ป่วยจิตเวช’ เพิ่มขึ้นอีก 1.9 ล้านคน จากกม.ยาเสพติด ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากระบบคลังข้อมูลสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2565 พบว่ามีผู้ป่วยจิตเวชที่มารับบริการตามการรักษาจากทุกสิทธิ์รวมกัน 2,519,255 คน
ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ พ.ศ. 2564 มีแนวทาง “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” นั้น คาดการณ์ว่าผู้เสพยาเสพติดจะมีประมาณ 1.9 ล้านคน
ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย จำแนกตามลักษณะความรุนแรงของการเสพ
ทั้งนี้ จำแนกตามลักษณะความรุนแรงของการเสพติดเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มผู้เสพติด 35,000 คน ต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟูระยะยาว โดยส่งต่อสถานบริการหรือโรงพยาบาลเฉพาะทางที่มีจิตแพทย์ให้การดูแลรักษาต่อเนื่อง
- กลุ่มผู้เสพ 456,000 คน กลุ่มนี้ควรเข้าการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพด้วยสถานพยาบาลในพื้นที่ โดยมีทีมบุคลากรทางการแพทย์ผู้ผ่านการอบรม และมีจิตแพทย์ของจังหวัดเป็นพี่เลี้ยง
- กลุ่มผู้ใช้ 1.2 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถดูแลได้ในพื้นที่ด้วยกลไกชุมชน ที่บูรณาการร่วมกันทั้งหน่วยงานในและนอกกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ ทีมสาธารณสุข 3 หมอ ได้แก่ โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) โรงพยายาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) และ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมูบ้าน (อสม.) ซึ่งดูแลส่งเสริมสุขภาพประชาชนอย่างใกล้ชิดในชุมชน ได้ร่วมจัดทำแนวทางการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยกลุ่มนี้ ร่วมกับจิตแพทย์ในแต่ละจังหวัดและเขตสุขภาพ ในการบำบัดผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด ทำให้เกิดการดูแลต่อเนื่องเชื่อมโยงในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพตามหลักวิชาการ
เปิดหอผู้ป่วยจิตเวช ในโรงพยาบาล 33 จังหวัด
นพ.โอภาส การย์กวินพงษ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขวางกลไกสำคัญในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด โดยขณะนี้ ได้เปิดหอผู้ป่วยในผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด ณ โรงพยาบาลศูนย์ (รพศ.) และ โรงพยาบาลทั่วไป (รพท.) แล้ว 33 จังหวัดใน 11 เขตสุขภาพ คิดเป็น 42.9% ทำให้สามารถดูแลผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรง ได้อย่างรวดเร็วปลอดภัย
และยังจัดตั้งกลุ่มงาน จิตเวชและยาเสพติด ในโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) 268 แห่ง หรือ 34.58% ช่วยรองรับผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลบำบัดต่อเนื่องใกล้บ้าน ทำให้การบริการไร้รอยต่อ ผู้ป่วยฟื้นสุขภาวะที่ดีและอยู่ได้ในสังคมอย่างสุขสงบ
ทั้งนี้ วันที่ 24-25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิตจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการการขับเคลื่อนกลไกการพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิต จิตเวชฉุกเฉินและยาเสพติด โดยมุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงสาธารณสุข เร่งเพิ่มศักยภาพบุคลากรและสถานที่ให้พร้อมบริการดูแลแบบผู้ป่วยจิตเวชแบบผู้ป่วยใน ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2565 นี้
อย่างไรก็ตาม การเปิดหอผู้ป่วยในรักษาผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดในโรงพยาบาลศูนย์ (รพศ.) และ โรงพยาบาลทั่วไป (รพท.) ต้องอาศัยอัตรากำลังจิตแพทย์ที่พอเพียงในการปฏิบัติงานบำบัดผู้ป่วยอย่างเข้มข้น จนอาการฉุกเฉินทุเลาแล้วพิจารณาส่งต่ออย่างเหมาะสม
รวมทั้งการจัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด ในโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ทุกแห่งที่ต้องมีจิตแพทย์ในจังหวัดหรือเขตสุขภาพเป็นพี่เลี้ยงในการจัดระบบบริการรับ-ส่งต่อดูแลต่อเนื่อง แก่ผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดในพื้นที่ได้ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงสนับสนุนกรอบอัตรากำลังจิตแพทย์ และมีแผนขยายการฝึกอบรมจิตแพทย์ ให้สามารถเอื้อการผลิตจิตแพทย์ได้โดยเร็วยิ่งขึ้น
จิตแพทย์ขาดแคลน มีเป้าหมายผลิตเพิ่ม 400 คนใน 5 ปี
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ด้านสุขภาพจิต โดยเฉพาะจิตแพทย์ทั่วไปและจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นยังขาดแคลน
ปัจจุบันมีจิตแพทย์ให้บริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานครเพียง 822 คน จำแนกเป็นจิตแพทย์ทั่วไป 632 คน 76.9% และจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น 190 คน 23.1% อัตราเฉลี่ยจิตแพทย์ 1.25 คน ต่อแสนประชากรในปี 2565
โดยกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 367 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 114 คน ภาคกลาง (รวมตะวันตก) 112 คน ภาคเหนือ 103 คน ภาคใต้ 83 คน และภาคตะวันออก 43 คน
ปัจจุบัน กรมสุขภาพจิตได้ประสานความร่วมมือกับราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางในการเพิ่มการผลิตจิตแพทย์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิตตั้งเป้าหมาย การเพิ่มอัตราเฉลี่ยจิตแพทย์เป็น 1.7 คนต่อแสนประชากร โดยร่วมผลักดันผลิตจิตแพทย์ให้ได้ 400 คน ภายในระยะเวลา 5 ปี พร้อมกระจายบริการในทุกเขตสุขภาพ ให้ประชาชนที่มีปัญหาสุขภาพจิต เข้าถึงบริการใกล้บ้านอย่างทั่วถึง เช่นเดียวกับโรคเรื้อรังอื่น ๆ ได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วัยรุ่น-วัยทำงาน ‘ซึมเศร้าเพิ่ม’ 1 ปีปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิตร่วม 1 แสนคน
- ดร.อนันต์ ชี้ ‘ภูมิคุ้มกันจากธรรมชาติ’ ตัวเปลี่ยนเกม ‘สู้โอไมครอน’ ผลวิจัยระบุ เข็มกระตุ้น+ติดโควิด ภูมิตกช้า
- หมอธีระ ย้ำ วัคซีนรุ่นใหม่ 2 สายพันธุ์ ‘Bivalent vaccines’ เป็นเรื่องเร่งด่วน ควรนำมาให้ประชาชนใช้ทันที