COVID-19

ไทยเริ่มพบ การติดเชื้อแบบ ‘สมอลเวฟ’ สายพันธุ์ BA.2.75 มากสุด เพราะนักท่องเที่ยวจากอินเดีย

เผยไทยเริ่มพบ การติดเชื้อแบบ ‘สมอลเวฟ’ สายพันธุ์ BA.2.75 มากสุด เพราะนักท่องเที่ยวอินเดีย เตรียมรับมือ XBB จากยุโรป

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงไวรัสโควิด 19 ว่า ขณะนี้พบการติดเชื้อโควิด 19 แบบ ‘สมอลเวฟ’ ซึ่งแต่ละประเทศเกิดการระบาดของแต่ละสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน

สมอลเวฟ

BA.2.75 จากนักท่องเที่ยวอินเดีย XBB จากยุโรป

โดยส่วนของไทยนั้นพบการติดเชื้อในกลุ่มสายพันธุ์ BA.2.75 มากที่สุด เป็น 58% ทั้งนี้เนื่องมาจากมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น

อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงปลายปี 2565 นี้ที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว จะมีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่หนีหนาวเข้าไทยอีกจำนวนมากอาจทำให้สายพันธุ์ของโควิด 19 ที่พบในไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอีก อาจพบสายพันธุ์ XBB มากขึ้นจากชาวยุโรป

สมอลเวฟ

ติดเชื้อซ้ำ อาการแต่ละคนแตกต่างกัน

ขณะนี้ลักษณะการติดเชื้อ พบว่าทั่วโลกมีลักษณะคล้ายกันหมด คือไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงและหลบภูมิคุ้มกัน ที่เปลี่ยนแปลงไปคือ

  1. มีการติดเชื้อเร็วมากขึ้น
  2. คนป่วยสามารถป่วยซ้ำได้อีก เนื่องจากการติดเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อีกครั้ง วัคซีนอาจไม่ได้ให้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่เหมือนในอดีต

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ปฏิกิริยาของผู้ได้รับการติดเชื้อโควิดซ้ำ จะพบว่ามีความแตกต่างกัน แต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกัน ทั้งนี้เนื่องจากภูมิคุ้มกันของแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนได้รับวัคซีนแค่ 1 เข็ม หรือ 2 เข็ม หรือ4 เข็ม แต่บางคนไม่ได้รับแม้แต่เข็มเดียว และร่างกายของคนแต่ละคนก็มีความแข็งแรงที่แตกต่างกัน ปัจจัยอยู่กับโรคประจำตัวก็ทำให้อาการของแต่ละคนแตกต่างกัน

สมอลเวฟ

ต้องรับวัคซีนครบ 4 เข็ม ไม่ใช่ 3 เข็มเหมือนในอดีต

ดังนั้นคำแนะนำคือต้องมีการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยวัคซีนพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ ควร 4 เข็ม ไม่ใช่ 3 เข็ม เหมือนในอดีต เพราะสถานการณ์ในขณะนี้แตกต่างไปจากเดิม และการติดเชื้อเกิดภูมิคุ้มกันธรรมชาติ ร่วมกับวัคซีน อาจไม่เพียงพอ หากมีการติดเชื้อมานานแล้ว

ดังนั้นการปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดยังคงจำเป็น เพื่อลดการติดเชื้อโควิด 19

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo