COVID-19

ประชุม ศบค. วันนี้! ลุ้นปรับโควิดเป็นโรคเฝ้าระวัง ย้ำ ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’ ยังจำเป็น

ประชุมศบค.วันนี้ จ่อปรับ “โควิด” เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ย้ำ!! “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” จำเป็น เหตุยังต้องควบคุมคนเข้าออกประเทศอยู่

พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ว่า การประชุมพรุ่งนี้จะมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้หารือไว้ และกำหนดกรอบแนวทางไว้ คือ การปรับโควิดไปเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง

ประชุมศบค.

ปรับโควิดเป็นโรคเฝ้าระวัง

โดยมีแผนงานที่ชัดเจน และตรงนี้ถือเป็นอำนาจคณะกรรมการโรคติดต่อกำหนดไว้เลย แต่เนื่องจากที่ผ่านมาการแก้ปัญหาโควิดเรามี ศบค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศอยู่ ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจะนำเรื่องนี้มาแจ้งให้ที่ประชุม ศบค. ทราบเผื่อจะมีข้อสังเกตและข้อแนะนำเพิ่มเติมก่อนดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ จะมีการดูถึงสถานการณ์ภาพรวมการติดเชื้อโควิดของทั้งโลก ภูมิภาค และประเทศไทย และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะรับทราบถึงสถานการณ์ท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจ ตัวเลขต่าง ๆ ที่โตขึ้น ข้อกำจัดต่าง ๆ ที่จะให้ผู้เกี่ยวข้องไปปรับปรุงเพิ่มเติม และแก้ไข และจะมีการรายงานเกี่ยวกับการเปิดด่านชายแดนที่เปิดมาเดือนกว่า ๆ แล้วว่าเป็นอย่างไร และติดขัดตรงไหน มีอะไรต้องปรับปรุง หรือจะเสริมตรงไหนให้การเดินทางเข้าประเทศเป็นไปโดยสะดวก และให้ระบบเศรษฐกิจเดินหน้านี้ และจะมีเรื่องสำคัญก็คือเรื่องของแผนการกระจายยา จะมีการยกระดับให้ดีขึ้น โดยขณะนี้ไปถึงโรงพยาบาลเอกชน และคลินิกเวชกรรม ต่อไปอาจมีการพิจารณาถึงร้านยาชั้น 1 ที่จะสามารถกระจายยาโควิดให้กับประชาชนได้ภายใต้การกำกับของแพทย์ ก็จะมีการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

ประชุมศบค.
พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม

ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

อีกส่วนหนึ่งที่จะรายงานคือแผนที่จะไปสู่โรคติดต่อไม่ร้ายแรง โดยพรุ่งนี้ก็เสนอให้ที่ประชุม ศบค. ทราบให้เพื่อคิดเห็นเพิ่มเติม แต่ย้ำว่าเรื่องนี้ ขอให้อำนาจของ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่สามารถพิจารณาได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าแบบนี้จะประสานให้เป็นโรคประจำถิ่นได้เลยหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ใช่ครับ พรุ่งนี้จะดูว่าอาจจะกำหนดเวลาไว้ และยังมีเวลาที่จะประเมินสถานการณ์ ถ้าใกล้เวลาแล้วเกิดมีสถานการณ์ที่ต้องเปลี่ยนแปลง กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้พิจารณาจะปรับอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น แต่ในแผนนี้มีความสำคัญจะต้องเตรียมและพูดกันก่อน โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดใหญ่ต้องมองไปถึงการบูรณาการร่วมกับจังหวัดข้างเคียง

เมื่อถามว่า วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ศบค. จะถูกยุบหรือไม่ เพราะจะปรับโควิดเป็นโรคเฝ้าระวัง พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่เกี่ยวกับความเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังไม่ว่าจะเป็นระดับไหนก็แล้วแต่ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่ามีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษควบคุมและป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้าย

ประชุมศบค.

“พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ยังจำเป็น

เมื่อถามว่าสถานการณ์โควิดที่เบาลงในบางระดับเราจำเป็นต้องใช้กฎหมายฉุกเฉินอยู่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังใช้อยู่ เราจำเป็นต้องควบคุมคนเข้าออกประเทศ เรายังจำเป็นในการกำกับหรือห้ามกระทำการสิ่งใด สิ่งหนึ่งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายเราจะดูแผนของกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่าแผนที่ออกมานี้ยังจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่หรือไม่

“ผมเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นมา แม้ตัวเลขผู้ป่วยจะคงที่และมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ตัวเลขติดเชื้อตามความเป็นจริงที่ไม่ได้รายงานจะสูงขึ้น แต่มาตรการในการรองรับของเราทั้งในสถานพยาบาลหรือเจอแจกจบ หรือกระจายยา สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไปทางที่ดี” พล.อ.สุพจน์ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo