COVID-19

เจอแล้ว 81 คน!! ไทยพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน ‘BA.4-BA.5’ แนวโน้มอาการรุนแรง

ไทยพบโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 -BA.5 รวม 81 คน ระบุต้องจับตา เพราะมีข้อมูลว่าสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดในยุโรป ความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์เดิม ขณะที่ต้องเฝ้าระวังกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศยุโรปมากขึ้น

วันนี้ (23 มิ.ย.) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์  คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยแพร่ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กเพจ Center for Medical Genomics ระบุว่า สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ของไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน จุดประกายความกังวลไปทั่วโลก

โอไมครอน

สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 มีการกลายพันธุ์บริเวณหนาม เพื่อให้เข้าจับกับเซลล์ปอดของมนุษย์ได้ดีขึ้น เหมือนกับสายพันธุ์เดลตาที่ระบาด และมีอาการติดเชื้อที่รุนแรงในอดีต ต่างจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1 และ BA.2 ซึ่งไม่พบการกลายพันธุ์ในบริเวณดังกล่าว

ส่วนหนามมีการเปลี่ยนแปลงไปสามารถเป็นตัวเชื่อมให้ผนังของหลายเซลล์หลอมรวมเป็นเซลล์เดียว ดึงดูดให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อเข้ามาทำลายเกิดการอักเสบที่ปอด

ที่น่ากังวลคือทั้งไวรัส “BA.4” และ “BA.5” ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เฝ้าระวังเพราะกำลังมีการระบาดในประเทศแอฟริกาใต้ กลับมีการกลายพันธุ์เป็น R452 (กรอบฟ้า) ส่วนไวรัส BA.2.12.1 ที่ระบาดในสหรัฐอเมริกา ก็มีการกลายพันธุ์มาเป็น “Q452” (กรอบเหลือง) ที่อาจทำให้ส่วนหนามมีคุณสมบัติเหมือนกับสายพันธุ์ “เดลตา” (กรอบแดง) ที่สามารถทำให้เซลล์ติดเชื้อหลายเซลล์เข้ามาหลอมรวมเป็นเซลล์เดียว เกิดอาการปอดอักเสบ

นอกจากนี้ ยังระบุว่า โปรตุเกสกำลังเผชิญกับระบาดของโอไมครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ระลอกใหม่ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อต่อล้านคนมีค่าเฉลี่ย 7 วันอยู่ที่ 2,043 คน ในวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราผู้ป่วยรายใหม่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก แม้ว่าจะลดลงบ้าง จากระดับสูงสุดเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จำนวน 2,878 คน โดยมีผู้เสียเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือ 178 คนในวันดังกล่าว

โอไมครอน

ส่วนในไทย จำนวนผู้ติดเชื้อ BA.4, BA.5, และ BA.2.12.1 ที่ตรวจพบในประเทศไทย และได้อัปโหลดขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” มีดังนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อ BA.4 จำนวน 32 คน BA.5 จำนวน 49 คน รวม 81 ราย และ BA.2.12.1 จำนวน 25 คน

ขณะที่ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์แล้ว กรณีที่พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 กับ BA.5 ในประเทศไทย จากรายงานในต่างประเทศ พบว่าเชื้อกลายพันธุ์ดังกล่าวติดง่าย และมีแนวโน้มอาการจะรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดิม แต่ยังต้องรอข้อมูลที่ชัดเจน รวมทั้งมีความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกัน และลงปอดได้ง่ายขึ้น

การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ยังคงรักษาตามอาการ ไม่ได้แยกสายพันธุ์ เพราะการสุ่มตรวจสายพันธุ์เป็นหน้าที่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ขณะนี้สถานการณ์ระบาดใน กทม. มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 10% จากเดือนที่แล้ว เพราะการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ และการเปิดสถานบันเทิง แต่ว่าสัดส่วนผู้ป่วยครองเตียงสีแดง ไม่ได้เพิ่มขึ้น อยู่ที่ 10% ของจำนวนผู้ป่วย ที่รักษาในโรงพยาบาล รวมถึงพบเด็กติดเชื้อจากโรงเรียน และนำไปแพร่ต่อให้คนในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo