COVID-19

สธ.กำชับ! เฝ้าระวังฝีดาษลิงเข้ม ยันยังไม่พบผู้ป่วยยืนยันในไทย

“กระทรวงสาธารณสุข” กำชับมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วย “ฝีดาษลิง” อย่างเข้มข้น ทั้งในสนามบินนานาชาติ โรงพยาบาล และคลินิกเฉพาะ ยันยังไม่พบผู้ป่วยยืนยันในประเทศ

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรอย่างเข้มข้น ทั้งในสนามบินนานาชาติ โรงพยาบาล และคลินิกเฉพาะ โดยสถานการณ์โรคฝีดาษวานรในประเทศไทยขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยัน แต่ได้รับรายงานจากด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ และจากโรงพยาบาลทั้งภาครัฐ และเอกชน พบผู้ป่วยสงสัยรวม 10 ราย ทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ และตรวจไม่พบเชื้อฝีดาษวานร

ฝีดาษลิง

ยืนยันการตรวจทางห้องปฏิบัติการ

อย่างไรก็ตาม ในจำนวนนี้ 6 ราย ได้รับการยืนยันการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลพบเชื้อไวรัสเริม (Herpes Simplex Virus type 1) และทั้ง 6 ราย มีประวัติเชื่อมโยงกับการซ้อมมวยในสนามฝึกซ้อมมวยที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และกระบี่ และอีก 4 ราย เป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนัง

ทั้งนี้ หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ได้ประสานให้คำแนะนำสนามฝึกซ้อมมวยที่พบผู้ป่วยทุกแห่ง ให้ทำความสะอาดฆ่าเชื้ออุปกรณ์ฝึกซ้อมและสถานที่เป็นประจำ หากผู้ที่มาฝึกซ้อมมวยมีอาการป่วย โดยเฉพาะมีผื่น หรือตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนอง ให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางและร่วมกิจกรรมเสี่ยง รวมถึงเน้นย้ำให้บุคลากรทาง การแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขช่วยกันเฝ้าระวังการระบาดของโรคไวรัสเริม หรือ Herpes Simplex Virus ในพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว

ฝีดาษลิง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค

โรคฝีดาษลิงติดต่อได้ยาก

ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการสอบสวนโรคเบื้องต้นสำหรับผู้ป่วยสงสัยรายล่าสุด ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กรณีฝีดาษวานร ได้รับรายงานจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 พบผู้ป่วยสงสัย เพศชาย อายุ 21 ปี อาชีพนักมวย ชาวออสเตรเลีย มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2565 มีประวัติได้ไปซ้อมมวยที่สนามฝึกซ้อมมวยแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี เริ่มมีไข้ ไอ เจ็บคอ และเริ่มมีผื่นแดง ตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง บริเวณใบหน้า ลำคอ และแขน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ยืนยันตรวจไม่พบเชื้อฝีดาษวานร

ทั้งนี้ กำลังเร่งตรวจหาสาเหตุของโรค และกล่าว เน้นย้ำว่า โรคฝีดาษวานรติดต่อได้ยากกว่าโรคโควิด 19 เพราะต้องมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยระยะแพร่เชื้อ ซึ่งเป็นระยะที่ปรากฏอาการแล้ว เช่น มีไข้ ตุ่มหนองตามผิวหนัง

ฝีดาษลิง

สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษวานรทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม-22 มิถุนายน 2565 พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว 3,157 ราย จากทั้งหมด 45 ประเทศ สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานรรายแรก ในประเทศสิงคโปร์ เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ชาวอังกฤษ อายุ 42 ปี มีประวัติเดินทางมาสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 15-17 มิถุนายน 2565 และกลับมาอีกครั้งวันที่ 19 มิถุนายน 2565 เริ่มมีอาการปวดศีรษะ วันที่ 14 มิถุนายน 2565 และมีไข้วันที่ 16 มิถุนายน 2565 อาการหายไปแล้วมีผื่นขึ้นวันที่ 19 มิถุนายน 2565 จึงเข้ารับการตรวจทาง tele-consultation ในคืนวันนั้น ถูกส่งตัวไปสถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NICD) และตรวจพบเชื้อวันที่ 20 มิถุนายน 2565

ทั้งนี้ ได้ทำการค้นหาผู้สัมผัส (contact tracing) พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 13 ราย อยู่ระหว่างการกักตัว 21 วัน และผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำอีก 2 ราย อยู่ระหว่างติดตามอาการป่วยทุกวันเป็นเวลา 21 วัน ซึ่งนับเป็นผู้ป่วยติดเชื้อมาจากพื้นที่อื่น (imported case) ที่ทางหน่วยงานด้านสาธารณสุข สิงคโปร์ ดำเนินการควบคุมโรค และประเมินเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติไปในสถานที่เดียวกับผู้ป่วยยืนยันด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo