COVID-19

โอไมครอน! มันหนักหนาสาหัส ติดง่ายกว่าเดิม 7 เท่า ไทยดับพุ่งเป็นที่ 5 ของโลก

“หมอธีระ” เตือน “โอไมครอน” มันหนักหนาสาหัส! ติดง่ายกว่าเดิม 7 เท่า ยอดเสียชีวิตวานนี้ 97 รายพุ่งเป็นที่ 5 ของโลก ย้ำ!! ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ โดยระบุว่า 4 เมษายน 2565 ทะลุ 491 ล้าน เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 777,342 คน ตายเพิ่ม 1,846 คน รวมแล้วติดไปรวม 491,562,847 คน เสียชีวิตรวม 6,175,764 คน

โอไมครอน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี และเวียดนาม

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็น 89.63% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 82.55%

การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็น 53.03% ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็น 44.96%

…สถานการณ์ระบาดของไทย

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย

ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก

โอไมครอน

…เมื่อวานนี้ไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิต 97 คน เทียบกับทั่วโลกแล้วถือว่าสูงมาก เป็นรองเพียงเกาหลีใต้ รัสเซีย อิตาลี และฮ่องกง ทั้งนี้ ถือว่าติดอันดับท็อปไฟฟ์เป็นครั้งแรกตั้งแต่ระบาดมา หากจำไม่ผิด

สะท้อนให้เราหันมาประเมินกันให้ดีว่า ไอ้ที่ว่า Omicron อ่อนนั้น เป็นการเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดลต้าที่ระบาดมาในระลอกก่อน แต่สุดท้ายแล้วสถานการณ์จริง มันหนักหนาสาหัส เพราะติดง่ายแพร่ง่ายกว่าเดิมถึง 7 เท่า ทำให้จำนวนการติดเชื้อจริงในสังคมนั้นมากมาย ป่วยกันเยอะ และมีจำนวนคนที่ป่วยรุนแรง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้น จนนำไปสู่การเสียชีวิต ซึ่งมีทั้งคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง และคนที่ไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยง ทั้งคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว

นอกจากนี้ คนที่เคยติดเชื้อมาก่อน ก็ติดเชื้อซ้ำอีกได้ด้วย

การตระหนักถึงสถานการณ์ระบาดจริงว่าหนัก และป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดจึงมีความสำคัญยิ่งนัก

มิฉะนั้นปัญหาระยะยาวอย่าง Long COVID จะถาโถมเป็นระลอกเรื้อรัง ส่งผลกระทบยาวนาน ทั้งต่อผู้ป่วยเอง รวมถึงครอบครัว และประเทศ

โอไมครอน

 

…การติดเชื้อโรคโควิด-19 ไม่ใช่อยู่แค่ทางเดินหายใจ แต่กระจายไปทั่วร่างกาย (systemic infection)

งานวิจัยล่าสุดจากประเทศสเปน ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ด้านโรคติดเชื้อระดับสากล BMC Infectious Diseases เมื่อวานนี้ 3 เมษายน 2565

ติดตามผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 29 คนที่มีอาการคงค้างต่อเนื่องอย่างน้อย 4 สัปดาห์หลังการรักษา โดยที่ 55% มีประวัติติดเชื้อโดยมีอาการเพียงเล็กน้อย

สาระสำคํญที่พบคือ สามารถตรวจพบสารพันธุกรรมไวรัสในเลือดของผู้ป่วยได้ถึง 45%

ทั้งนี้ สามารถตรวจพบสารพันธุกรรมในเลือด ปัสสาวะ หรืออุจจาระ อย่างใดอย่างหนึ่งในผู้ป่วยได้ 51%

ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่มีอาการคงค้างต่อเนื่องนั้น ราวครึ่งหนึ่งรายงานว่าอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่อสมรรถนะการดำรงชีวิตประจำวันอย่างมาก

ผลการวิจัยนี้ แม้กลุ่มตัวอย่างจะไม่มากนัก แต่ชี้ให้เห็นว่าการติดเชื้อโรคโควิด-19 มีลักษณะที่กระจายไปทั่วร่างกาย (systemic infection) ไม่ได้ติดเชื้อจำกัดในระบบทางเดินหายใจเท่านั้น

โอไมครอน

ซึ่งหากเราติดตามองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา จะพบว่าสอดคล้องกับงานวิจัยอื่นๆ ที่เจาะลึกศึกษาภาวะผิดปกติระยะยาวหรือ Long COVID และพบหลักฐานที่ทำให้นำมาซึ่งสมมติฐานการเกิดโรคหลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องการตรวจพบไวรัสที่ยังคงติดเชื้อแฝงอยู่ในเซลล์ของอวัยวะต่างๆ (persistent infection), การติดเชื้อแล้วทำให้อวัยวะหรือระบบต่าง ๆ ทำงานผิดปกติไปจากเดิม (dysfunction from viral damage), การเกิดกระบวนการอักเสบเรื้อรังต่อเนื่อง (chronic inflammation), การทำให้เกิดภูมิต่อต้านตนเอง (autoantibody), และการเสียสมดุลของเชื้อโรคชนิดต่างๆ ที่อยู่ในทางเดินอาหารจนนำไปสู่ความผิดปกติของการทำงานในระบบต่างๆ ของร่างกาย (Dysbiosis)

ด้วยข้อมูลข้างต้น ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด

ใส่หน้ากากเสมอ เว้นระยะห่างจากคนอื่น พบปะคนอื่นเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น หากไม่สบาย ควรแจ้งคนใกล้ชิด แยกตัว หยุดเรียนหยุดงาน และไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน

คนที่ติดเชื้อแล้ว ก็ยังต้องป้องกันตัว เพราะติดเชื้อซ้ำได้ และแม้รักษาหายแล้วในช่วงแรก ก็มีโอกาสที่จะเกิดปัญหา Long COVID จึงควรหมั่นประเมินสุขภาพของตนเอง หากผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและดูแลรักษา

อ้างอิง Tejerina, F., Catalan, P., Rodriguez-Grande, C. et al. Post-COVID-19 syndrome. SARS-CoV-2 RNA detection in plasma, stool, and urine in patients with persistent symptoms after COVID-19. BMC Infect Dis 22, 211 (2022).

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK