COVID-19

‘ดร.สันติธาร เสถียรไทย’ แชร์ประสบการณ์ 5 ข้อคิด หลังติดโอไมครอนทั้งบ้าน

“ดร.สันติธาร เสถียรไทย” โพสต์ 5 ข้อคิด หลังติดโอไมครอนทั้งครอบครัว ทั้งติดง่ายแม้ฉีดวัคซีนครบ อย่าพึ่งการตรวจ ATK มากเกินไป และอาการของเด็กกับผู้ใหญ่ ต่างกันชัดเจน

ดร.สันติธาร เสถียรไทย ประธานทีมเศรษฐกิจและกรรมการผู้จัดการ บริษัท Sea limited บุตรชายนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรมว.ต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊ก Tonson Santitarn Sathirathai ถึงข้อคิดเบื้องต้นจากการป่วยเป็นโควิด-19 ทั้งบ้าน(โอไมครอน) ดังนี้

ดร.สันติธาร เสถียรไทย

1. ติดง่ายมากแม้จะฉีดวัคซีนครบแล้ว

ผมและภรรยาติดโควิดจากลูกสองคน (4 และ 6ขวบ) ซึ่งติดโควิดจากแม่บ้านอีกที ซึ่งไม่ชัดว่าติดจากในเครื่องบินตอนเดินทางหรือติดตอนออกไปตรวจโควิดที่ศูนย์อนามัยตอนกลับมาสิงคโปร์แล้ว (สิงคโปร์ให้ตรวจ ATK ทุกวันที่บ้านเป็นเวลา 7 วันและสองครั้งในนั้น ต้องเข้าไปตรวจที่ศูนย์หลังจากกลับจากต่างประเทศ)

แม้เด็กจะยังไม่ได้รับวัคซีนแต่ผู้ใหญ่ทุกคน (รวมทั้งพี่เลี้ยงที่ติดคนแรก) ฉีดวัคซีนmRNA ครบ 2 เข็มไม่ Pfizer ก็ Moderna และยังไม่ถึง 6 เดือนดีจากครั้งสุดท้ายที่ฉีด

ตัวผมและภรรยาที่ติดเพราะต้องดูแลลูกทั้งสองคนไม่มีทางเลือกจึงเข้าใจได้ว่าวัคซีนอะไรก็คงเอาไม่อยู่ หากอยู่ใกล้ชิดกับคนป่วยตลอดเวลา โดนลูกไอจามใส่ตลอด แต่ในกรณีแม่บ้าน เท่าที่คิดย้อนไปแทบไม่ค่อยได้มี exposure หรือการเสี่ยงต่อหารติดเชื้อเท่าไรเลย จึงยังค่อนข้างแปลกใจว่ารับเชื้อมาได้ไงเร็วมาก

การฉีดวัคซีน booster น่าจะสำคัญมาก ๆ ๆ รีบฉีดนะครับ อย่ารอโดยเฉพาะคนมีโรคประจำตัว

 

2. อย่าพึ่งการตรวจ ATK มากไป

จากประสบการณ์ครั้งนี้พบว่าในช่วงแรก ๆ ที่ติดเชื้อ และแม้แต่มีอาการบ้างแล้วการตรวจ ATK อาจจะยังไม่ออกมาเป็นบวก เกือบทุกคนในบ้านผมทั้งเด็กและผู้ใหญ่เจอประสบการณ์นี้แม้จะใช้ยี่ห้อหลายแบบ ATK ในกรณีลูกแม้แต่มีไข้สูงแล้วก็ยังไม่เป็นบวกจนวันต่อมา

LINE ALBUM cell virusโควิดใน ม ๒๒๐๑๑๔

ดังนั้น การจะบอกได้ว่าคน ๆ นึงติดโควิดแล้วหรือยัง ด้วยการตรวจ ATK อาจต้องทำหลายวันต่อเนื่อง และเราไม่ควรเชื่อผลลบของ ATKมากไป ต้องมีมาตรการป้องกันการติดเชื้ออื่นๆด้วย

 

3. หากมีเด็กเล็ก (หรือคนที่ต้องการการดูแล) ควรวางแผนเผื่อไว้หากบางคนติดบางคนไม่ติด

ในสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะให้รักษาตัวที่บ้านตามอาการ ไม่ได้ไปนอนโรงพยาบาลนอกจากจะอาการหนักจริง ๆ เราทุกคนจึงอยู่บ้านตลอด ดังนั้นข้อนี้อาจไม่ค่อยเกี่ยวกับคนที่รักษาตัวที่รพ

ความยากในช่วงต้นของการรักษาตัวที่บ้านคือ ลูกคนโต และแม่บ้านติดเชื้อแต่ลูกคนเล็กยังไม่ติด แต่เราทุกคนอยู่ในคอนโดเดียวกัน และพี่น้องปกติตัวติดกันมากอยู่ด้วยกันตลอด จึงยากมากที่จะแยกเขาออกจากกัน

ช่วงแรกเราพยายามแบ่งเป็นคู่ ภรรยาอยู่กับคนเล็กที่ไม่ป่วยและผมอยู่กับคนโตที่ติด (เพราะคนเล็กค่อนข้างติดแม่) และให้ลูกเจอกันใน Metaverse ผ่านเกมออนไลน์

 

ซึ่งยากมากเพราะรูปแบบการใช้ชีวิตไม่ได้ดีไซน์มาแบบนั้น และพี่น้องคิดถึงกันมากแม้จะเข้าใจเหตุผลแต่ใจเขาก็ยังเผลอตลอด นอกจากนี้แม่เค้าก็เครียดเพราะอยากดูแลลูกที่ป่วยด้วยตัวเองแต่ต้องห่างเพื่อให้ลูกคนเล็กไม่ติด

สุดท้ายไม่เวิร์ค เพราะพอลูกป่วยไข้สูง พ่อไร้ความสามารถในการดูแล ต้องแม่เท่านั้น! ไปๆมาๆเลยแยกไม่ค่อยสำเร็จและทั้งคู่ก็ติดเชื้ออยู่ดี

บทเรียนคือ อาจต้องวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆทำ scenario ว่าถ้าคนนี้ป่วยคนนั้นไม่ป่วยจะทำไง และจะทำได้จริงมั้ย

omicron 1

4. เตรียมพร้อมว่า ไม่มีคำตอบสุดท้าย สถานการณ์เปลี่ยนตลอดเวลา

วิธีรับมือวันแรก ๆ จะไม่เหมือนแผนวันหลังๆของการติดเชื้อในบ้านเพราะคนติดเชื้อจะมากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่เคยแข็งแรง จะกลายเป็นคนป่วยและคนที่เคยป่วยอาจเริ่มหาย ดังนั้นจะต้องมีการเตรียมสลับฟังก์ชันระหว่างแต่ละคนในครอบครัวกันดี ๆ

นอกจากนี้ โรคนี้ยังเปลี่ยนเร็วมาก จากดูเหมือนไม่มีอาการ ๆ ภายในไม่กี่ชั่วโมง อาจกลายเป็นหนักมาขึ้นมา จึงต้องมีการเตรียมรับมือดี ๆ

เช่น ผมทำงานเบา ๆ ไปด้วยในช่วงรักษาตัวไปด้วย วันนึงอาการอาจเป็นเพลียมาก จนประชุมออนไลน์ไม่ไหว อีกวันอาจเจ็บคอจนพูดไม่ได้แต่พอทำงานอื่นได้

5. เด็กกับผู้ใหญ่เหมือนเป็นคนละโรคกัน

แม้จะเป็นเชื้อเดียวกันแต่อาการของเด็กกับผู้ใหญ่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ของลูกผมทั้งสองคนแทบไม่มีอาการอะไรเลย นอกจากไข้สูงทะลุ 40 เป็นช่วง ๆ ต้องให้ยาเช็ดตัวแล้วก็ลง นอกนั้นแทบดูไม่รู้ว่าป่วย และพลังของลูกชายสองคนนี้ไม่มีตกเลย ทั้งสองคนไม่ได้รับยาอะไรนอกจากรักษาตามอาการ

ของผู้ใหญ่จะมีอะไรคล้าย ๆ กัน มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ เพลียมากๆๆ เหนื่อยง่ายแม้ในช่วงฟื้นตัว (และอาการไม่ได้เบาขนาดที่หลายคนคิดนะครับ)

ใครมีลูกให้นึกภาพเราหมดแรงในวันที่ลูกพลังเหลือมาก ๆ

ป.ล. ทั้งนี้อาการแต่ละคนคงไม่เหมือนกันนะครับ อย่าเอาที่เขียนนี้ไปทำให้ประมาทว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ไม่เป็นไรมาก เพราะคงเป็นแล้วแต่เคสจริง ๆ แค่จะบอกว่าผู้ใหญ่-เด็ก อาการต่างกันมากจากประสบการณ์ตนเอง

ทั้งหมดนี้เป็นข้อคิดเบื้องต้นนะครับ เพราะผมก็ยังไม่หายแต่ลูกๆดีขึ้นแล้ว อยากแชร์เรื่องเหล่านี้เผื่อจะมีประโยชน์กับบางครอบครัวครับ เพราะเชื่อว่า wave นี้คงมีคนติดเยอะทีเดียว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo