COVID-19

ศิริราช เปิดผลศึกษา วัคซีนเข็ม 3 ฉีดหลังซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นภูมิคุ้มกันสูงสุด

ศิริราช เผยผลศึกษา ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ด้วยไฟเซอร์ สำหรับคนฉีดซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นภูมิคุ้มกันสูงกว่าฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม ส่วนแอสตร้าฯ เข็ม 3 ขึ้นน้อย ขณะที่ซิโนฟาร์ม ภูมิขึ้นน้อยสุด

ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยผลการวิจัยศึกษาความปลอดภัยและการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ในผู้เคยได้รับวัคซีนซิโนแวค หรือแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม หลังจากการฉีดวัคซีนซิโนแวค หรือแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็มที่มีการใช้อย่างกว้างขวางในประเทศไทย อาจกระตุ้นระดับแอนติบอดีได้ไม่เพียงพอ

วัคซีนเข็ม 3

สำหรับการผลการศึกษาครั้งนี้ ใช้การวัดระดับภูมิต้านทานต่อโปรตีนหนาม (anti-recrptor binding domain : anti-RBD IgG) โดยวิธี chemiluminescent microparticle immunoassay และภูมิต้านทานในการกำจัดไวรัสสายพันธุ์เดลตา (50% plaque reduction neutralization test : PRNT50) รวมทั้งอาการข้างเคียงในอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 หลังจากได้รับวัคซีนครบสองเข็มมาแล้ว 2-3 เดือน

ผลการศึกษาเปรียบเทียบฉีดวัคซีนเข็ม 3 ด้วยซิโนฟาร์ม แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์

ทั้งนี้ หลังได้รับวัคซีนสองเข็มประมาณ 8-12 สัปดาห์ ระดับภูมิคุ้มกันชนิด anti-RBD IgG ก่อนฉีดกระตุ้น มีค่าต่ำโดยเฉลี่ย 33-38 BAU/ml ในกลุ่มที่เคยฉีดซิโนแวค และ 90-116 BAU/ml ในกลุ่มที่เคยฉีดแอสตร้าเซนเนก้า

ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม

ผู้ที่ได้รับซิโนแวคแล้วสองเข็ม แล้วได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยไฟเซอร์ขนาดเต็มโดส มีระดับ anti-RBD IgG ขึ้นสูงสุดที่สุด อยู่ที่ 5,152 BAU/ml

ผู้ที่ได้รับซิโนแวคแล้วสองเข็ม แล้วได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยไฟเซอร์ขนาดครึ่งโดส มีระดับ anti-RBD IgG อยู่ที่ 3,981 BAU/ml

ศิริราช

ผู้ที่ได้รับซิโนแวคแล้วสองเข็ม แล้วได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยแอสตร้าเซนเนก้า มีระดับ anti-RBD IgG อยู่ที่ 1,358 BAU/ml

ผู้ที่ได้รับซิโนแวคแล้วสองเข็ม แล้วได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนซิโนฟาร์ม กระตุ้นได้น้อยที่สุด โดยมีระดับ anti-RBD IgG อยู่ที่ 155 BAU/ml

 

ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม

ผู้ที่ได้รับแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แล้วได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยไฟเซอร์ขนาดเต็มโดส มีระดับ anti-RBD IgG ขึ้นสูงสุดที่สุด อยู่ที่ 2,377 BAU/ml

ผู้ที่ได้รับแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แล้วได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยไฟเซอร์ขนาดครึ่งโดส มีระดับ anti-RBD IgG อยู่ที่ 1,962 BAU/ml

ผู้ที่ได้รับแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แล้วได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยแอสตร้าเซนเนก้า มีระดับ anti-RBD IgG อยู่ที่ 246 BAU/ml

ผู้ที่ได้รับแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แล้วได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยซิโนฟาร์ม มีระดับ anti-RBD IgG อยู่ที่ 129 BAU/ml

ศิริราช1

ระดับภูมิยับยั้งเชื้อสายพันธุ์เดลตา วัดโดย PRNT50

ในผู้ที่ได้รรับซิโนแวคมาแล้วสองเข็มพบว่า กระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์ขนาดครึ่งโดส ระดับไตเตอร์สูงที่สุด (499) รองลงมาเป็นวัคซีนไฟเซอร์เต็มโดส(411) วัคซีนแอสตร้าฯ (271) และวัคซีนซิโนฟาร์ม(61)

ในผู้ที่ได้รับแอสตร้าฯแล้วสองเข็ม วัคซีนไฟเซอร์เต็มโดสได้สูงที่สุด (520) รองลงมาเป็นวัคซีนไฟเซอร์ครึ่งโดส (358) โดยวัคซีนไฟเซอร์กระตุ้นได้สูงกว่าแอสตร้าฯ (70) และซิโนฟาร์ม (49)

 

ส่วนอาการไม่พึงประสงค์ที่พบจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 มีเล็กน้อยถึงปานกลางในทุกวัคซีน

ผลสรุปจากผลการศึกษาครั้งนี้ สรุปได้ว่า ซิโนแวค เป็นวัคซีนเริ่มต้นที่ดี ซึ่งเมื่อฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วย แอสตร้าเซนเนก้า หรือไฟเซอร์ ก็ให้ระดับภูมิคุ้มกันที่สูงมาก

สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ ใช้เพียงครึ่งโดสก็ได้ภูมิคุ้มกัน ในระดับที่ใกล้เคียงกับการใช้วัคซีนเต็มโดส แนะนำให้ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วย แอสตร้าเซนเนก้า หรือไฟเซอร์เท่านั้น

คำแนะนำสำหรับผู้ที่ฉีด แอสตร้าเซนเนก้า มา 2 เข็ม ควรฉีดเข็มที่ 3 กระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์เท่านั้น โดยอาจใช้เพียงครึ่งโดสก็ให้ผลภูมิคุ้มกันใกล้เคียงกับการใช้วัคซีนเต็มโดส

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo