COVID-19

‘อนุทิน’ ยัน ฉีด ‘วัคซีนไฟเซอร์’ ให้ ‘นักเรียน’ ทันเปิดเทอม ไม่ขวางวัคซีนยี่ห้ออื่น ถ้าขึ้นทะเบียน อย.

“อนุทิน” ยืนยัน ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กนักเรียน ก่อนเปิดเทอมแน่นอน โดยเตรียมไปฉีดให้ถึงในโรงเรียน ส่วนวัคซีนยี่ห้ออื่น ๆ ที่ต้องการใช้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปนั้น ก็สามารถทำได้ แต่ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. ก่อน 

วันนี้ (14 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ให้กับกลุ่มเด็กนักเรียน และนักศึกษา ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปว่า จะมีการฉีดแน่นอน โดยวันที่ 29 กันยายนนี้ จะได้วัคซีนป้องกันโควิด ของไฟเซอร์มาเพิ่ม และจะทยอยมาจนครบ 30 ล้านโดสในปีนี้

กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ฉีดให้เสร็จ เพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการเปิดเทอมได้ตามกำหนด โดยมีแผนไปฉีดให้เด็กนักเรียนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ถึงในโรงเรียน แต่ทั้งนี้ ต้องแล้วแต่ความยินยอมของผู้ปกครองด้วย

วัคซีนไฟเซอร์

ส่วนความคืบหน้าจัดเตรียมวัคซีนซิโนฟาร์ม ให้เด็กอายุ 12 ปี ขณะนี้กำลังตรวจสอบเอกสาร รวมทั้งผลการศึกษา และผลการทดสอบ โดยกรรมการวิชาการ ซึ่งมีขั้นตอนแตกต่างจากวัคซีนไฟเซอร์ ที่กำหนดเรื่องอายุมาแล้ว แต่เรื่องซิโนฟาร์ม องค์การอาหารและยา (อย.) จะเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อออกมาให้เร็ว

ไม่จำกัดเฉพาะวัคซีนไฟเซอร์ แต่ยี่ห้ออื่น ต้องมาขึ้นทะเบียน อย. ก่อน

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า เป้าหมายของการให้บริการวัคซีนนั้น เพื่อให้เด็กมีความปลอดภัย จากโรคระบาด  โดยวัคซีนที่จะให้บริการกับเด็กกลุ่มนี้ เบื้องต้น มีเฉพาะไฟเซอร์ เนื่องจากตอนไปขึ้นทะเบียน เป็นยี่ห้อเดียวที่ระบุว่า สามารถฉีดให้กับเด็ก อายุ 12 ปีขึ้นไปได้

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ ก็ต้องดูผลศึกษาจากคณะกรรมการวิชาการเพิ่มเติม สำหรับวัคซีนยี่ห้ออื่น หากจะมาให้บริการกับเด็ก ก็ต้องไปขึ้นทะเบียนใหม่ กับทาง อย.

สำหรับสถานการณ์การให้บริการวัคซีนในประเทศไทยนนั้น มีการจัดหา และนำเข้าวัคซีนเรื่อย ๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยความสามารถในการฉีดทำได้ถึง 900,000 โดสต่อวัน การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องที่จำเป็น จะช่วยลดอัตราการป่วยหนัก และลดอัตราการเสียชีวิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในเรื่องของมาตรการการคลายล็อกนับจากนี้ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบจากปัจจัยหลายอย่าง หากมั่นใจว่ามีความปลอดภัยการคลายล็อก ก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

นายอนุทิน เปิดเผยด้วยว่า มาตรการด้านสาธารณสุข สำหรับการเปิดประเทศตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ มีความพร้อมอยู่แล้ว ทุกอย่างที่วางแผนไว้ก็มาตามกำหนด แต่ทั้งนี้  ต้องดูสถานการณ์ หากมีช่องทางผ่อนคลายมาตรการแ ละคลายล็อกได้ ก็ไม่เคยช้า และกรมควบคุมโรคมีการประเมินสถานการณ์อยู่แล้ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo