COVID-19

สธ.ยืนยัน ซิโนแวค-แอสตร้า ป้องกันป่วยรุนแรง เสียชีวิต สายพันธุ์เดลตา

สธ. ยืนยันประสิทธิผล ซิโนแวค-แอสตร้า ป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ จากสายพันธุ์เดลตา เตรียมซื้อซิโนแวคอีก 12 ล้านโดสฉีดไขว้แอสตร้าเซนเนก้ากระตุ้นภูมิคุ้มกันเร็วขึ้น

นายแพทย์ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า คณะทำงานการประเมินประสิทธิผล วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนที่ใช้จริงในประเทศไทย ต่อการป้องกันโควิด 19 ในบุคลากรทางการแพทย์ จากฐานข้อมูลผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด กรมควบคุมโรค ระหว่าง 1 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2564 มีบุคลากรติดเชื้อจำนวน 3,901 คน

วัคซีนโควิดรพ 2.สนาม ๒๑๐๘๑๘

ทั้งนี้ เมื่อนำมาทำการศึกษา โดยวิธีจับคู่เปรียบเทียบ 2,790 คน เป็นผู้ติดเชื้อที่ได้รับวัคซีนครบโดส 2,192 คน และผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้รับวัคซีน 598 คนพบว่า ประสิทธิผลของซิโนแวค 2 เข็ม ป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต 98% ป้องกันการติดเชื้อ 72%

เมื่อจำแนกเป็นรายเดือน ซึ่งเริ่มพบเชื้อสายพันธุ์เดลตามากขึ้น ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา จนถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ที่สัดส่วนเชื้อเดลตามากถึง 78.2% พบว่าแนวโน้มประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อยังคงที่ ไม่ได้ต่ำกว่า 70%

เปรียบเทียบ ซิโนแวค-แอสตร้า

สำหรับประสิทธิผลของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขส่วนใหญ่ ได้รับในสัดส่วนที่น้อยกว่า พบว่า ประสิทธิผลการป้องกันติดเชื้อสำหรับผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็มอย่างน้อย 14 วันอยู่ที่ 96% และรับเข็มเดียวอย่างน้อย 14 วันอยู่ที่ 88%

สธ. 1

“วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยขณะนี้ ทั้งซิโนแวคครบ 2 เข็ม แอสตร้าเซนเนก้าที่ฉีดเข็มเดียวหรือครบ 2 เข็ม มีประสิทธิภาพช่วยลดทั้งการติดเชื้อ การป่วยรุนแรง และการเสียชีวิต สามารถใช้ต่อไปได้ โดยปรับเป็นการฉีดสลับชนิดเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันระดับสูงในเวลารวดเร็ว”นายแพทย์ทวีทรัพย์ กล่าว

ด้านนายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุด ถึง 16 สิงหาคม 2564 ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด 19 สะสม 24,100,631 โดส เป็นเข็มแรก 18,370,997 ราย คิดเป็น 25.5% ของประชากร เข็มสอง 5,228,157 ราย คิดเป็น 7.3% และเข็มสาม 501,477 ราย

จากการตรวจสอบและปรับปรุงฐานข้อมูล เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา พบการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งหมด ส่วนข้อมูลการฉีดเข็มสามในประชาชนกลุ่มอื่น ๆ เกิดจากความเคลื่อนของระบบในการดึงข้อมูล

ขณะนี้ประเทศไทยฉีดซิโนแวคเป็นเข็มแรก ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มสอง ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ ซึ่งทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นสูง ใกล้เคียงกับการฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ที่ต้องเว้นระยะห่างถึง 3 เดือน เหมาะที่จะฉีดให้ครอบคลุมเป็นวงกว้าง และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในเวลาอันรวดเร็ว จึงมีแผนจัดหาวัคซีนซิโนแวคสำหรับฉีดเป็นเข็มที่ 1 เพิ่มเติมอีก 12 ล้านโดส

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo