COVID-19

ทำความรู้จัก โอไมครอนกลายพันธุ์ล่าสุด ‘JN.1.4’ ที่คาดว่าจะมาแทนที่สายพันธุ์ JN.1

ศูนย์จีโนมฯ จับตา “โอไมครอน JN.1.4” กลายพันธุ์จากตระกูล BA.2.86 เติบโต-แพร่ระบาดเหนือกว่า สายพันธุ์ JN.1 ที่ระบาดทั่วโลกขณะนี้ คาดขึ้นแท่นสายพันธุ์หลักแทนที่ในไม่ช้า

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า มาทำความรู้จักโอไมครอน JN.1.4 สายพันธุ์ล่าสุดจากตระกูล BA.2.86 (Pirola) ที่คาดว่าจะมาแทนที่สายพันธุ์ JN.1

สายพันธุ์ JN.1

การระบาดของโควิด-19 ได้ย่างเข้าสู่ปีที่ 5 ทั่วโลกยังคงพบการกลายพันธุ์ของไวรัสมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดโอไมครอน BA.2.86 หรือชื่ออย่างไม่เป็นทางการคือ พิโรลา (Pirola) ซึ่งตรวจพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 จากตัวอย่างจากประเทศเดนมาร์ก

ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก รวมทั้งองค์การอนามัยโลกในขณะนั้นมีความกังวล เพราะจากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม พบการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนไปมากกว่า 30 ตำแหน่งบนส่วนหนาม เมื่อเทียบกับ บรรพบุรุษโอไมครอน BA.1/BA.2 ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากเป็นอันดับสอง รองมาจากสายพันธุ์เดลตา

แต่อาจถือเป็นโชคดีของมนุษย์ ที่แม้โอไมครอน BA.2.86 จะมีการกลายพันธุ์ไปมากกว่าโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่กลับแพร่ระบาดได้ไม่ดีนัก เพราะจนถึงปัจจุบันพบมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ BA.2.86 เพียง 653 ราย

shutterstock 2419293487

อย่างไรก็ตามทั่วโลกคลายความวิตกได้เพียงเดือนเดียว โอไมครอน BA.2.86 ไม่ยอมแพ้ต่อภูมิคุ้มกันของมนุษย์ที่สร้างสะสมมาอย่างต่อเนื่องนานเกือบ 5 ปี จากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาติ โดยได้เกิดการกลายพันธุ์บริเวณโปรตีนหนามขึ้น 1 ตำแหน่งคือ L455S เกิดเป็นภูมิคุ้มกันของมนุษย์สายพันธุ์ย่อยรุ่นลูก JN.1 (B.1.1.529.2.86.1.1) ทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้ยอดผู้เจ็บป่วยและเสียชีวิตทั่วโลกจากโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

องค์การอนามัยโลก รายงานว่า พบโอไมครอน JN.1 ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2566 และกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในสหรัฐ ขณะนี้ ปัจจุบันสุ่มพบสายพันธุ์หลัก JN.1 ในผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกถึง 50,366 ราย ด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม และแชร์ข้อมูลไว้บนฐานข้อมูลโควิดโลกจีเสส (GISAID)

โอไมครอน JN.1 มิได้หยุดยั้งการกลายพันธุ์ ได้มีการกลายพันธุ์ไปอีกหนึ่งตำแหน่งบริเวณยีน ORF1a ที่ตำแหน่ง T170I เกิดเป็นสายพันธุ์ย่อย JN.1.4 พบตั้งแต่กันยายน 2566 เป็นต้นมาจำนวน 18,243 รายจากการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม จากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก

การระบาด

ทีมวิจัยของ ดร. ราเชนทราม ราชนารายณ์ จาก NYITCOM ของมหาวิทยาลัยรัฐอาร์คันซอ สหรัฐ ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ (Centers for Disease Control and Prevention, CDC) ในช่วง 30 วันที่ผ่านมาพบว่า โอไมครอนสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในสหรัฐอันดับที่หนึ่งคือ โอไมครอน JN.1 (46.9%) อันดับสองคือ โอไมครอน JN.1.4 (25.2%)

จากการวิเคราะห์จากข้อมูลจีโนมจากฐานข้อมูลโควิดโลก (GISAID) ผ่าน CoV-Spectrum อันเป็นแพลตฟอร์มสำรวจข้อมูลจีโนม SARS-CoV-2 พบว่า

ทั่วโลก พบโอไมครอน JN.1.4 จากผู้ติดเชื้อ 18,242 ราย มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าสายพันธุ์อื่นที่ระบาดทั่วโลกขณะนี้ 36% หรือ 1.36 เท่า (ภาพ1A)

การแพร่เปรียบเทียบ

ประเทศสหรัฐ พบโอไมครอน JN.1.4 จากผู้ติดเชื้อ 7,430 ราย มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าสายพันธุ์อื่นที่ระบาดในสหรัฐขณะนี้ 41% หรือ 1.41 เท่า (ภาพ 1B)

ประเทศเยอรมนี พบโอไมครอน JN.1.4 จากผู้ติดเชื้อ 247 รายมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าสายพันธุ์อื่นที่ระบาดในเยอรมนีขณะนี้ 43% หรือ 1.43 เท่า (ภาพ2A)

ประเทศไทยพบโอไมครอน JN.1.4 จากผู้ติดเชื้อ 12 รายมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าสายพันธุ์อื่นที่ระบาดในไทยขณะนี้ 36% หรือ 1.36 เท่า (ภาพ2B)

ภาพ 2a2b

ในขณะที่ทั่วโลกพบโอไมครอน JN.1.4 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า JN.1 ที่ระบาดทั่วโลกขณะนี้ไม่มากคือ 1% หรือ 1.01 เท่า คาดว่าค่าความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดของ JN.1.4 จะปรับเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และระบาดเป็นสายพันธุ์หลักแทนที่โอไมครอน JN.1 (ภาพ3)

ทางศูนย์จีโนมฯเฝ้าติดตามการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิดด้วยการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมเป็นระยะ หากพบความผิดปรกติจะแจ้งให้ทุกภาคส่วนทราบในทันที เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรครุนแรง ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกลายพันธุ์ไปเพียงไม่กี่ตำแหน่งบนจีโนม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo