COVID-19

ข่าวดี!! ค้นพบจุดอ่อนไวรัสโควิด ความหวังพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่

ศูนย์จีโนมฯ เผย นักวิทยาศาสตร์ค้นพบจุดอ่อนของไวรัสโคโรนา 2019 ที่สามารถใช้พัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ในอนาคต

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics  ระบุว่า โรคโควิด-19 มีการระบาดมาอย่างต่อเนื่องถึง 4 ปี มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 7 ล้านคน เริ่มพบการระบาดของไวรัส SARS-CoV-2 ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันปี 2567 แต่เรายังไม่สามารถกำจัดไวรัสโคโรนา 2019 ให้หมดไปได้

ไวรัสกลายพันธุ์

ตรงกันข้ามกลับพบว่าโควิด-19 มีการกลายพันธุ์เกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สายพันธุ์อู่ฮั่น อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา โอไมครอนดั้งเดิม BA.1/BA.2 จากนั้นกลายพันธุ์เป็น BA.4/BA.5, XBB, XBB.1.5, และ EG.5.1 ล่าสุดคือ BA.2.86 และ JN.1

โดยสังเกตพบว่าผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 ตามธรรมชาติหรือเคยได้รับการฉีดวัคซีนหรือทั้งสองอย่างมาก่อนหน้า ยังสามารถติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ซ้ำได้อีก (breakthrough infection)

แต่การติดเชื้อกลับไม่มีอาการรุนแรง ไม่ต่างไปจากการติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (BA.1/BA.2) ถึงแม้ว่าโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ เช่น BA.2.86, JN.1 จะมีการกลายพันธุ์ส่วนหนามที่ใช้ยึดเกาะกับเซลล์ และเพื่อหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (BA.1/BA.2) ถึงกว่า 30 ตำแหน่งก็ตาม

ทีมนักวิทยาศาสตร์เกาหลีใต้นำโดย ศาสตราจารย์ ชิน อึยชอล (SHIN Eui-Cheol) จากศูนย์วิจัยไวรัสด้านภูมิคุ้มกันวิทยา สถาบันวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (IBS) ประเทศเกาหลีใต้ได้แถลงและตีพิมพ์ผลงานวิจัยล่าสุดลงในวารสาร Science Immunology เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 แสดงให้เห็นว่า การที่ร่างกายเราได้ต่อสู้กับการติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (BA.1/BA.2) ในปี 2565 ทำให้มีการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันประเภทหนึ่งเรียกว่า เมมโมรีทีเซลล์ (memory T cell) ขึ้นมาเพื่อจดจำไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว

สำหรับ เมมโมรีทีเซลล์ จะมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วเมื่อร่างกายมีการติดเชื้อโอไมครอนดั้งเดิม (BA.1/BA.2) ซ้ำอีกครั้งเพื่อเข้าทำลายเซลล์ติดเชื้อไวรัส แต่ปรากฏว่า เมมโมรีทีเซลล์เหล่านี้ ยังมีความสามารถพิเศษในการทำลายเซลล์ติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ ที่เมมโมรีทีเซลล์กลุ่มนี้ไม่เคยพบมาก่อน เช่น BA.4/BA.5, BQ.1, XBB, EG.5.1 และแม้แต่โอไมครอน BA.2.86 และ JN.1 ที่ตรวจพบการระบาดเมื่อเร็ว ๆ นี้!

ทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า เมมโมรีทีเซลล์สามารถจดจำและเข้าโจมตี จุดอ่อน ที่คาดว่าเป็นบริเวณเล็ก ๆ ในส่วนหนามที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง (conserved region) มาตั้งแต่โอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (BA.1/BA.2) จนถึงกลุ่มโอไมครอนสายพันธุ์ล่าสุด JN ที่คาดว่าจะแพร่ระบาดเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลกในปี 2567 นี้

jn

จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า หลังจากร่างกายเราติดเชื้อโควิด-19 หรือหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาสองระบบ

1. สร้างโปรตีนแอนติบอดี จากบีเซลล์ (B cells) ที่เข้าจับและทำลายอนุภาคไวรัสป้องกันไม่ให้เซลล์ปอดมีการติดเชื้อ

2. สร้าง เมมโมรีทีเซลล์ (Memory T cells) ไม่สามารถป้องกันเซลล์ปอดจากการติดเชื้อได้ แต่ก็สามารถค้นหาและทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้การติดเชื้อไวรัสลุกลามร้ายแรงไปทั่วปอด

แอนติบอดี จากบีเซลล์มีความจำเพาะสูง (narrow spectrum) ต่อไวรัสที่เคยพบเท่านั้น และเสื่อมประสิทธิภาพในการเข้าจับและทำลายอนุภาคไวรัสอย่างรวดเร็วในเวลา 6-12 เดือน ต่างจากเมมโมรีทีเซลล์ที่มีอายุการทำงานหลายปี และสามารถรับมือไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่จะอุบัติขึ้นในอนาคตได้ด้วย (broad spectrum)

ทีมวิจัยได้เลือกผู้ที่เคยติดเชื้อโอไมครอนดั้งเดิม BA.1/BA.2 ในช่วงต้นปี 2565 เข้าเป็นอาสาสมัครของโครงการวิจัยโดยมีการเจาะเลือดและแยก เมมโมรีทีเซลล์ มาศึกษาในหลอดทดลอง เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์ติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ต่าง ๆ ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์ใหม่ เช่น BA.1/BA.2, BA.4/BA.5, XBB, EG.5.1, BA.2.86, JN.1 ฯลฯ

ผลการศึกษาพบว่า เมมโมรีทีเซลล์ จากอาสาสมัครที่เคยติดเชื้อโอไมครอนดั้งเดิม BA.2 แล้วยังกลับมาติดเชื้อซ้ำ (breakthrough infection) สามารถทำลายไม่เพียงเซลล์ติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1/BA.2 แต่ปรากฏว่ายังสามารถทำลายเซลล์ติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ BA.4/BA.5, BQ.1, XBB, EG.5.1 และแม้แต่โอไมครอน BA.2.86 และ JN.1 ที่ตรวจพบการระบาดเมื่อเร็ว ๆ นี้!

นอกจากนี้ ทีมวิจัยเกาหลียังพบว่า เมมโมรีทีเซลล์ เข้าโจมตี จุดอ่อน (The Achilles heels of SARS-CoV-2) ที่เป็นบริเวณเล็ก ๆ ในส่วนของโปรตีนหนาม ส่งผลให้ประสิทธิภาพของ เมมโมรีทีเซลล์ ในการทำลายเซลล์ติดเชื้อโอไมครอนครอบคลุมจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (BA.1/BA.2) จนถึงโอไมครอนสายพันธุ์ล่าสุดอย่าง JN อย่างมีนัยสำคัญ (broad spectrum)

ดร.อนันต์ 2

ผลลัพธ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อซ้ำ (breakthrough infection) มีแนวโน้มว่าหากบุคคลนั้นมีการติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ในอนาคตจะมีอาการ ไม่รุนแรง

ทีมนักวิทยาศาสตร์เกาหลี ได้สรุปจากผลงานวิจัยว่า

1. ร่างกายเรามีการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ในอนาคตผ่าน เมมโมรีทีเซลล์

2. การค้นพบจุดอ่อนบริเวณหนามของโอไมครอน สามารถนำไปใช้กับการพัฒนาต่อยอดวัคซีนที่จะกระตุ้น เมมโมรีทีเซลล์ ให้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อเข้าทำลายเซลล์ติดเชื้อ

อนึ่งคำว่า ส้นเท้าของอคิลลีส (Achilles’ heel) จะหมายถึงจุดอ่อนหรือช่องโหว่เล็ก ๆ ที่ซึ่งหากถูกโจมตีอาจนำไปสู่การล่มสลายระบบใหญ่ที่แข็งแรงทั้งระบบ คำนี้มีต้นกำเนิดมาจากตำนานเทพเจ้ากรีก หมายถึงจุดอ่อนของวีรบุรุษนักรบชาวกรีกที่ชื่อ อคิลลีส (Achilles) ที่เมื่อแรกเกิดถูกแม่จับที่ส้นเท้าและชุปตัวเขาลงในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ สติกซ์ (Styx) เพื่อให้มีความอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า

อย่างไรก็ตาม ส่วนส้นเท้าของอคิลลีส ซึ่งเป็นบริเวณนิดเดียวของร่างกายไม่ได้สัมผัสกับน้ำศักดิ์สิทธิ์เพราะมือแม่เขาบังไว้ ยังคงเป็นจุดอ่อนเพียงตำแหน่งเดียวที่ศัตรูใช้สังหารอคิลลีส เป็นที่มาของคำอุปมา จุดอ่อนที่ส้นเท้าของอคิลลีส อันหมายถึงจุดอ่อนหรือช่องโหว่เล็ก ๆ ที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลว หรือการล่มสลายของทั้งระบบใหญ่ที่โดยรวมแข็งแกร่ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo