COVID-19

ข่าวดี!! วัคซีนเข็มกระตุ้น รุ่นล่าสุด ‘XBB.1.5 โมโนวาเลนต์’ ลดความรุนแรงโอไมครอน XBB-JN.1′

ศูนย์วิจัยไกเซอร์ฯ สหรัฐ เผยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโควิด-19 รุ่นล่าสุด “XBB.1.5 โมโนวาเลนต์” ลดความเสี่ยงนอนโรงพยาบาล จากการติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในปัจจุบันได้

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เปิดเผยถึงประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 รุ่นล่าสุด XBB.1.5 โมโนวาเลนต์ โดยระบุว่า

วัคซีนเข็มกระตุ้น

งานวิจัยล่าสุดจากศูนย์วิจัยไกเซอร์ เพอร์มาเนนเต้ เซาเทิร์น แคลิฟอร์เนียในสหรัฐ จากอาสาสมัคร 26,187 คน ชี้ให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโควิด-19 รุ่นล่าสุด XBB.1.5 โมโนวาเลนต์ ช่วยลดความเสี่ยงผู้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือต้องเข้ารักษาตัวในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล จากการติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในปัจจุบัน (XBB*) รวมทั้งโอไมครอน เจเอ็นวัน (JN.1) ลงได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติถึง 60%

งานวิจัยชิ้นนี้ยังพบว่า ผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือ ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่เป็นรุ่นก่อนซึ่งใช้ไวรัสโควิด-19 สองสายพันธุ์ (ไวรัสอู่ฮั่น+โอไมครอน BA.4/BA.5) เป็นต้นแบบหรือที่เรียกว่า วัคซีนไบวาเลนต์ แต่ยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้นจาก วัคซีนล่าสุด XBB.1.5 โมโนวาเลนต์ พบว่าให้ผลใกล้เคียงกันคือ ไม่สามารถลดความเสี่ยง ของผู้ติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในปัจจุบัน รวมทั้งโอไมครอนเจเอ็นวัน (JN.1) ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเข้ารักษาตัวในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ลงได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

วัคซีน 2

โดยสรุป วัคซีนป้องกันโควิดเข็มกระตุ้นล่าสุด XBB.1.5 โมโนวาเลนต์แสดงให้เห็นว่า มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อรุนแรงจากโควิด-19 ในขณะที่วัคซีนเวอร์ชันก่อนหน้าอาจไม่สามารถให้ความคุ้มครองการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือห้องฉุกเฉินได้ในระดับเดียวกัน

ในสหรัฐ ผู้ที่กังวลเรื่องผลข้างเคียงจากการใช้วัคซีน mRNA มีทางเลือกในการเปลี่ยนมาใช้วัคซีนโปรตีนย่อย (Protein Subunit Vaccine) ที่ใช้โอไมครอน XBB.1.5 เป็นต้นแบบ

เทคโนโลยีวัคซีนโปรตีนย่อย เป็นการผลิตส่วนโปรตีนหนามของเชื้อโควิด-19 เพื่อฉีดกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้รู้จักและตอบสนองต่อเชื้อโรคโควิด-19

วัคซีนโควิด 1

วัคซีนชนิดนี้ไม่มีอนุภาคไวรัสหรือสารพันธุกรรมของไวรัสเป็นส่วนประกอบ มีเพียงโปรตีนที่จำเป็นในการกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีการใช้สารเสริมภูมิคุ้มกัน (adjuvant) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการตอบสนองภูมิคุ้มกัน

ผลการศึกษานี้สนับสนุนข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกที่ว่าคนทุกวัยควรได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีการปรับปรุงเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ทันต่อการพัฒนากลายพันธุ์ของไวรัส SARS-CoV-2 และการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo