ศูนย์จีโนมฯ เผยล่าสุดพบโอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสมใหม่ “XDD” ระบาดเพิ่มขึ้นรวดเร็วในยุโรป-สหรัฐ ยังไม่พบในไทย ชี้แพร่เร็วกว่า “EG.5.1” ถึง 2.63 เท่า
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า ระวัง!! พบสายพันธุ์ลูกผสมใหม่ โอไมครอน XDD หรือ ลูกผสม HK.3/JN.1 เกิดจากการแลกเปลี่ยนยีนระหว่าง HK.3 (สายพันธุ์ลูกหลานของเอริส: EG.5.1) และ JN.1 (ลูกหลานของพิโรลา: BA.2.86)
จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม พบมีการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในยุโรปและในสหรัฐ ยังไม่พบในประเทศไทย มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า สายพันธุ์หลัก เอริส (EG.5.1) ที่ระบาดทั่วโลกขณะนี้ถึง 163% หรือ 2.63 เท่า
ไวรัสโคโรนา 2019 มีการกลายพันธุ์มาอย่างต่อเนื่องเพื่อความอยู่รอด โดยมักจะมีการเปลี่ยนแปลงโปรตีนส่วนหนาม เพื่อหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นจากการติดเชื้อตามธรรมชาติหรือจากการฉีดวัคซีน
ไวรัสลูกผสม (hybrid) เป็นกระบวนการผสมและจับคู่ของไวรัสเพื่อเร่งความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันให้เกิดเร็วขึ้นกว่าการกลายพันธุ์ของแต่ละสายพันธุ์ไปอย่างปรกติ
เมื่อไวรัสสองตัวที่ต่างสายพันธุ์กันติดเชื้อในเซลล์เดียวกัน พวกมันจะสามารถสลับส่วนของยีนเพื่อสร้างไวรัสลูกผสมตัวใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะจากทั้งไวรัสพ่อและแม่หรือบางครั้งอาจมีลักษณะใหม่ที่ทั้งพ่อและแม่เดิมไม่มี
ล่าสุดโอไมครอน 2 สายพันธุ์ย่อยคือ MK.3 ซึ่งเป็นลูกหลานของโอไมครอน เอริส (EG.5.1)”และ JN.1 ซึ่งเป็นลูกหลานของโอไมครอน พิโรลา (BA.2.86)” เกิดการผนวกควบรวมสายจีโนมเข้าด้วยกัน (recombination) เกิดเป็นลูกผสมสายพันธุ์ย่อยใหม่ที่ถูกเรียกว่า XDD
ลูกผสม HK.3/JN.1, หรือ XDD มีจุดเชื่อมต่อกัน 2 จุด, จุดที่หนึ่งระหว่างนิวคลีโอไทด์ตำแหน่งที่ 6541 – 7842, และจุดที่สองตำแหน่งที่ 25416-26270
โอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม XDD ได้รับยีนสร้างโปรตีนหนามทั้งหมดมาจาก JN.1 โดยมียีน ORF9b, truncated ORF8, และยีนสร้างโปรตีนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับใช้สร้างส่วนหนาม (non-Spike structural proteins) จากโอไมครอน HK.3 ทำให้โอไมครอนลูกผสม XDD มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า สายพันธุ์หลัก เอริส (EG.5.1) ที่ระบาดทั่วโลกขณะนี้ถึง 163% หรือ 2.63 เท่า
ในขณะที่ไม่มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบสายตระกูล BA.2.86 และ JN.1 ประมาณ 17% หรือ 1.17 เท่า เท่านั้น
คำว่า XDD เป็นส่วนหนึ่งของระบบการตั้งชื่อสำหรับไวรัสลูกผสมเหล่านี้ ระบบเริ่มต้นด้วย X ตามด้วยตัวอักษรตามลำดับ (เช่น XA, XB, XC เป็นต้น) ตัวเลขจะใช้ก็ต่อเมื่อมีการสืบทอดที่ชัดเจน (เช่น XB.1)
ลูกผสมที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตคือ โอไมครอน XBB, เดลตาครอน-XBC, และล่าสุดคือ เอริส (Eris) x พิโรลา (Pirola) เกิดเป็นโอไมครอนลูกผสม XDD
MK.3 ลูกหลานของ อีริส พบบ่อยที่สุดในสหรัฐ ในช่วงฤดูร้อนปี 2566 โดยมีการเปลี่ยนแปลงพิเศษบริเวณโปรตีนส่วนหนามเพื่อหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและยึดเกาะกับเซลล์ได้ดีขึ้น
JN.1 รุ่นลูกของ พิโรลา เป็นโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่พบในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐ โดยมีความโดดเด่นเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในโปรตีนส่วนหนามไปมากกว่า 30 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับโอไมครอน XBB.1.5
สิ่งที่ควรตระหนักแต่ไม่ต้องตระหนกคือ กระบวนการผสมและจับคู่นี้เป็นเรื่องธรรมชาติของไวรัส ไวรัสลูกผสม XDD ขณะนี้ถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมและแชร์ไว้บนฐานข้อมูลโลก จีเสส(GISAID) จำนวน 40 รายจากประเทศในยุโรปและสหรัฐ
ยังไม่พบในประเทศไทย
ยังไม่มีข้อมูลจากห้องปฏิบัติการและจากผู้ติดเชื้อมากนักว่าโอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม XDD หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและยึดเกาะกับผิวเซลล์ได้ดีกว่าทั้ง เอริส(EG.5.1) และ พิโรลา(BA.2.86) หรือไม่ รวมทั้งมีการติดเชื้อรุนแรงแตกต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญหรือเปล่า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- WHO ยกระดับโอไมครอนสายพันธุ์ BA.2.86 เป็นสายพันธุ์ย่อยที่น่าสนใจ
- โอไมครอน JN.1 วิวัฒนาการกลายพันธุ์ของไวรัส หลบหลีกภูมิคุ้มกันมากขึ้น
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ รุ่นลูก ‘โอไมครอน JN.1’ อาจแพร่ระบาดทั่วโลก หากกลายพันธุ์เพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง