COVID-19

หมอธีระวัฒน์ เผยไทยเคยร่วมวิจัย ‘ล่าไวรัส’ แต่ยุติไป โครงการเดียวกับจีนพบโควิดสายพันธุ์ใหม่จากค้างคาว

หมอธีระวัฒน์ เผยไทยเคยร่วมวิจัย “ล่าไวรัส” แต่ยุติไป โครงการเดียวกับจีนพบโควิดสายพันธุ์ใหม่จากค้างคาว

เมื่อวันที่ 27 กันยายน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงกรณีที่ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยแพร่ข้อมูลที่ ดร.ฉี เจิ่งลี่ ผู้อํานวยการศูนย์โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ สถาบันไวรัสวิทยาเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนออกมาเตือนว่าพบไวรัสโคโรนาจากค้างคาวกว่า 20 สายพันธุ์ใหม่ “มีความเสี่ยงสูง” ที่อาจก้าวข้ามมาระบาดในคน

โดยช่วงท้ายของโพสต์ดังกล่าวมีการอ้างอิงข้อมูลโพสต์เมื่อเดือน เม.ย.2566 ที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลถึงเรื่องดังกล่าวด้วยนั้น

หมอธีระวัฒน์

หมอธีระวัฒน์ เผย ไทยเคยร่วมวิจัยไวรัสในค้างคาว ก่อนยุติไป

โดยกล่าวว่า สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่นทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2004 ภายใต้ทุนวิจัยขององค์กรในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นโครงการล่าไวรัสที่โลกไม่รู้จัก (Exotic Virus Hunting) เพื่อหาดูไวรัสที่ไม่มีชื่อที่อาจก่อโรคในคน โดยจะมีการรวบรวมตัวอย่างจากค้างคาว นำมาตัดต่อพันธุกรรมเพื่อดูว่าไวรัสนั้นเข้ากับมนุษย์ได้หรือไม่ ก่อโรคได้หรือไม่

ทั้งนี้ ประเทศไทยเองก็เคยได้รับทุนวิจัยดังกล่าวเมื่อปี 2011 เพื่อเก็บรวมรวมตัวอย่างจากค้างคาวในประเทศไทย ดูว่าอยู่ในกลุ่มไวรัสตัวใด เป็นตัวที่ก่อโรคหรือไม่ โดยความร่วมมือนี้ไม่ได้มีแค่ที่ประเทศไทย ยังมีประเทศอื่นๆ ด้วย

แต่ไทยก็ได้ยุติความร่วมมือไปในปี 2018 เนื่องจากมีความกังวลถึงความปลอดภัยทางชีววัตถุ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งในระหว่างเข้าไปเก็บเชื้อค้างคาวในพื้นที่ ที่ต้องเก็บสิ่ง ปฏิกูลค้างคาวและตัวอย่างเลือด การความปลอดภัยในขณะเก็บรักษาในห้องปฏิบัติการ รวมไปถึงความกัลวลที่จะต้องส่งตัวอย่างค้างดาวไปต่างประเทศ เพื่อตัดต่อพันธุกรรมในสถาบันต่างๆ

หมอธีระวัฒน์

เชื่อมโยงการเกิดแพร่ระบาดโควิด 19

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า จากนั้น ไทยก็ได้ทำลายตัวอย่างที่เก็บมากว่าหมื่นตัวอย่างทิ้งไปแล้ว และปลายปี 2019 ก็พบการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในคนขึ้นมา ที่จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าเกิดการจากติดเชื้อในธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานชัดเจนขึ้นว่าไวรัสหลุดรั่วออกจากห้องปฏิบัติการ เนื่องจากรหัสพันธุกรรมของไวรัสที่พบมีการตัดแต่งพันธุกรรมทำให้เข้าในมนุษย์และก่อให้เกิดโรคได้

“โดยข้อมูลเหล่านี้มีการเผยแพร่เป็นวารสารทางการแพทย์ของประเทศอังกฤษ (The British Medical Journal : BMJ) เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาด้วย รวมถึงหนังสือพิมพ์ ‘วอชิงตันโพสต์’ ก็ได้สัมภาษณ์ตนถึงเรื่องที่ไทยยุติความร่วมมือกับองค์กรทุนวิจัย ผมยืนยันว่า การล่าไวรัสไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ที่เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่สามารถ คาดการณ์โรคระบาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ทั้งยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจุลชีพที่อันตรายถึงชีวิตได้”

หมอธีระวัฒน์

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐสภาของสหรัฐ ก็ยังมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นถึงความเชื่อมโยงการเกิดไวรัสโควิด-19 เพื่อหาที่มาของการระบาด แม้ที่ผ่านมาจะได้รับการยืนยันว่าเชื้อไวรัสที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากห้องปฏิบัติการ ทั้งยังมีการอ้างว่าเป็นทฤษฎีสมทบคิดด้วย

ส่วนที่มีการออกมาเตือนว่า มีการพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่กว่า 20 สายพันธุ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าวว่า ก็อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งจากกรณีที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดในคน แต่กลับมีการติดเชื้อเข้าไปในสัตว์ เกิดการผสมกับเชื้อโคโรนาในสัตว์ทำให้ไวรัสเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ก่อนกลับมาติดเชื้อในคนอีกครั้ง ก็จะทำให้เกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นมาได้ และอีกกรณีคือการติดเชื้อจากไวรัสที่อยู่ในห้องปฏิบัติการที่มีคลังของไวรัสอยู่จำนวนมากหรือไม่

ขอบคุณข้อมูล : มติชนออนไลน์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo