ศูนย์จีโนมฯ เผย ทั่วโลกหันกลับมา จับตา “โอไมครอน BA.2.86” หลังพบกลายพันธุ์ไปมากถึง 35 ตำแหน่ง แพร่เร็วขึ้น หวั่นระบาดระลอกใหม่
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า ทั่วโลกหันกลับมาจับตา โอไมครอน BA.2.86 หลังพบว่ากลายพันธุ์เพิ่มมากถึง 35 ตำแหน่ง แร่ระบาดรวดเร็วขึ้น หวั่นเกิดการระบาดระลอกใหม่ไปทั้งโลก ดังนี้
โควิด-19 สายพันธุ์ BA.2.86 หรือ “พิโรลา” มีการกลายพันธุ์ส่วนหนามไปถึง 35 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับ XBB.1.5 ทำให้สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุดเทียบกับโอไมครอนสายพันธุ์หลัก BA.5, BQ.1.1, BF.7, XBB.1.5, EG.5 (XBB.1.9.2.5), และ HK.3 “Flip” (XBB.1.9.2.5.1.1.3) แต่ยังขาดความสามารถในการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว ส่วนภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (monoclonal antibody) ประเภทเดียวที่ยังใช้ได้ผลกับ BA.2.86 คือ “SA55”
กลายพันธุ์เพิ่ม แพร่เชื้อรวดเร็ว หวั่นระบาดระลอกใหม่
BA.2.86 หรือ “พิโรลา” ไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งอุบัติขึ้นมา (emerging variant) แต่คาดว่าจะมีการระบาดมาระยะหนึ่งเพราะพบผู้ติดเชื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกันกระจายอยู่ทั่วโลก เพียงแต่เพิ่งมาตรวจพบด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม โดยพบว่ามีการกลายพันธุ์ไปอย่างมากโดยเฉพาะส่วนหนามที่ใช้ยึดเกาะเซลล์
แม้การแพร่ระบาดของ BA.2.86 ในช่วงนี้ยังไม่รวดเร็วเท่ากับสายพันธุ์หลัก XBB แต่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพราะ BA.2.86 มีการกลายพันธุ์ไปมากและอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้รุ่นลูก รุ่นหลาน ของ BA.2.86 มีวิวัฒนาการกลายพันธุ์ที่ทำให้มีการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น และมีการแพร่เชื้อที่รวดเร็วขึ้นเป็นลำดับ
จากงานวิจัยของทีมนักวิจัยจีนนำโดย ศ. หยุนหลง เฉาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง พบว่าภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (โมโนโคลนอล แอนติบอดี) ต่อไปนี้คือ: โซโตรวิแมบ, ซิลกาวิแมบ, ทิกซาจวิแมบ, เบ็ทเทโลวิแมบ,อะอินเทวิแมบ, LY-CoV1404 S309, S3H3, Omi-42, COV2-2196, COV2-2130, REGN10933, REGN10987 , และ SA55
มีเพียง “SA55” ที่ยังสามารถเข้าจับและทำลายโอไมครอน BA.2.86 ในหลอดทดลองได้
ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเกิดความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพของ BA.2.86 ที่อาจมีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมจนทำให้มีความสามารถในการแพร่ระบาดที่รวดเร็วยิ่งขึ้น จนส่งผลให้เกิดการระบาดของโควิดระลอกใหม่ไปทั่วโลก
หลบภูมิจากวัคซีนรุ่นใหม่
การตรวจพบ BA.2.86 กระจัดกระจายในประเทศต่างๆ ที่ไม่มีประวัติการเดินทางหรือความเชื่อมโยงทางระบาดวิทยา บ่งชี้ว่า BA.2.86 ได้มีการแพร่ระบาดไปยังประเทศต่างๆมาระยะหนึ่งแล้วก่อนที่จะถูกตรวจพบด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม
จากการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า BA.2.86 มีการกลายพันธุ์แตกต่างจากโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นๆอย่างมากรวมถึงโอไมครอน XBB.1.5 ส่งผลให้ดื้อต่อแอนติบอดีที่เกิดจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นใหม่ ที่หลายบริษัทผลิตขึ้นมาใช้ในขณะนี้ รวมทั้งแอนติบอดีที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาจากการติดโควิดสายพันธุ์ต่างๆ ตามธรรมชาติ เช่น BA.5, BF.7, XBB.1.5, EG.5 (XBB.1.9.2.5), HK.3 “Flip” (XBB.1.9.2.5.1.1.3)
BA.2.86 สามารถหลบเลี่ยงการเข้าจับและทำลายของแอนติบอดีที่ร่างกายผู้ติดเชื้อสร้างขึ้นมาหลังการติดเชื้อโอไมครอน XBB ตามธรรมชาติ หรือหลังจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นที่บริษัทต่างๆผลิตขึ้นมา โดยมีสารตั้งต้นเป็นส่วนหนามบริเวณต่างๆของโอไมครอน XBB เนื่องจากหนามของ BA.2.86 ในส่วนของกรดอะมิโนมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่นบริเวณ K356T, L452W, V445H, A484K และ V483del
ทำให้โอไมครอน BA.2.86 มีความสามารถในการหลีกเลี่ยงการเข้าจับและทำลายของแอนติบอดีที่เกิดจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นจากบริษัทใดที่ผลิตขึ้นมาให้ใช้ฉีดกันในขณะนี้
เมื่อเปรียบเทียบกับโอไมครอน XBB.1.5 แล้ว BA.2.86 มีการติดต่อแพร่เชื้อระหว่างเซลล์มนุษย์ในหลอดทดลองได้ไม่ดีนัก แต่จับกับผิวเซลล์บริเวณ ACE2 ได้ดีกว่าโอไมครอน XBB.1.5
ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่า BA.2.86 สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดีมากที่สุด เมื่อเทียบกับทุกสายพันธุ์ที่ระบาดในปัจจุบัน เนื่องจากส่วนหนามเปลี่ยนไปมากจนแอนติบอดีจดจำไม่ได้ นอกจากนี้การที่ส่วนหนามเปลี่ยนแปลงไป ยังส่งเสริมให้อนุภาคไวรัสสามารถเข้าจับกับผิวเซลล์ได้แน่นขึ้น แต่ปรากฏว่าการแพร่ติดต่อระหว่างเซลล์(สู่เซลล์)ของไวรัสยังไม่ดีนัก
ติดตามการกลายพันธุ์อย่างใกล้ชิด
สายพันธุ์ BA.2.86 ยังไม่สามารถกระตุ้นให้เซลล์ที่ติดเชื้อมาหลอมรวมกัน (fusion) เกิดเป็นเซลล์เดียวขนาดใหญ่แต่หลายนิวเคลียส (multinucleated giant cells) ได้มากเท่ากับโอไมครอน XBB ซึ่งจะพบเซลล์ปอดมีการหลอมรวมกัน (fusion) เป็นเซลล์ขนาดใหญ่หลายนิวเคลียสในผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง
BA.2.86 ก็เหมือนโอไมครอนสายพันธุ์อื่นที่เมื่อปรากฏตัวหรืออุบัติขึ้นมาเป็นครั้งแรก จะมีการแพร่ติดต่อระหว่างคนสู่คนไม่ดีนัก แต่ระหว่างการระบาดระหว่างคนสู่คนไประยะหนึ่ง ไวรัสมักมีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมปรับตัว จนทำให้การติดต่อแพร่เชื้อระหว่างมนุษย์รวดเร็วขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องติดตามการกลายพันธุ์ของ BA.2.86 ทั่วโลกอย่างใกล้ชิด ด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมและแชร์ข้อมูลรหัสพันธุกรรมอย่างรวดเร็ว ผ่านฐานข้อมูลโควิดโลก “จีเสส” (global SARS-CoV-2 genomic surveillance and data sharing)
เพื่อให้นักวิจัยทั่วโลกได้นำข้อมูลไปใช้พัฒนาวัคซีนเพื่อการป้องกัน และพัฒนายาและภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เพื่อการรักษาโรคโควิด-19 ที่อาจมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ด้วยสายพันธุ์ใหม่ในอนาคต
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ศูนย์จีโนมฯ เผย 4 สาเหตุ ทำไม? โอไมครอน HK.3 กลุ่มกลายพันธุ์พลิกขั้ว น่ากังวลกว่า BA.2.86
- ทั่วโลกยกระดับ ติดตามใกล้ชิด ‘โอไมครอน BA.2.86’ กลายพันธุ์หนีวัคซีน หลบภูมิคุ้มกันได้สูงสุดในบรรดาโควิด 19
- ศูนย์จีโนมฯ เฉลย ‘โอไมครอน EG.5.1’ จะมาแทนที่ ‘XBB.1.16’ ในไทยได้หรือไม่?