COVID-19

‘นายกรัฐมนตรี’ ห่วงยอดผู้ป่วยโควิดพุ่ง แนะกลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน!

“โฆษกรัฐบาล” เผย “นายกรัฐมนตรี” ห่วงใยประชาชน หลังพบยอดผู้ป่วยโควิดยังเพิ่มขึ้น ย้ำขอให้กลุ่มเสี่ยง 607/608 รีบเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน กำชับ สธ. เร่งสื่อสารสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์โควิดในประเทศไทยและรับทราบสถานการณ์การระบาดของโควิดภายในประเทศรายสัปดาห์ (วันที่ 23-29 เมษายน 2566)

ยอดผู้ป่วยโควิด

ยอดผู้ป่วยโควิดภายในประเทศ

ทั้งนี้ ตามรายงานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยอดผู้ป่วยโควิดภายในประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน 2566 ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) จำนวน 1,811 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 258 ราย/วัน ผู้เสียชีวิต (รายสัปดาห์) จำนวน 10 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 1 ราย/วัน หายป่วยสะสม 8,382 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566) เสียชีวิตสะสม 288 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566) ผู้ป่วยปอดอักเสบ 157 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 79 ราย

โดยตัวเลขยอดผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใยประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 607 และ 608 ย้ำขอให้รีบเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านโดยเร็ว เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิด

ยอดผู้ป่วยโควิด

นายอนุชา กล่าวต่อว่า กรมควบคุมโรค คาดว่า ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นจำนวนมากในช่วงฤดูฝนพร้อมกับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม 607 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือไม่ได้รับเข็มกระตุ้นจะมีความเสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ดังนั้น การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด พร้อมกับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ และการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปจะสามารถลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ แต่ด้วยปัญหาการเข้าถึงบริการส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มเป้าหมายยังไม่ได้รับทราบข้อมูลที่ไม่เพียงพอในด้านประโยชน์ ความสำคัญ และความปลอดภัยของการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิดก็ทำให้กลุ่มเป้าหมายชะลอหรือปฏิเสธการรับวัคซีนได้

โดยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้จัดกิจกรรม “ห่วงใยผู้สูงวัย ด้วยการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ห่างไกลโควิด-19” ณ สถานดูแลผู้สูงอายุ เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้รับรู้เข้าถึงข้อมูลและเห็นความสำคัญถึงการฉีดวัคซีนโควิด และการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ เข้ารับบริการภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปมากขึ้น อันจะเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโควิด ในกลุ่มเปราะบาง ลดความเสี่ยง ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ให้บริการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปและการฉีดวัคซีนโควิด เชิงรุกให้กับผู้สูงอายุในสถานดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้สูงอายุในชุมชนรอบข้างด้วย

ยอดผู้ป่วยโควิด

“นายกรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งทำการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้เป็นวงกว้าง เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ทราบถึงประโยชน์ และเพิ่มโอกาสเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด และฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปของผู้สูงอายุ ที่อยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุของภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งต่อสุขภาพของตนเอง ป้องกันคนในชุมชน รวมถึงเป็นการรักษาระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย” นายอนุชา กล่าว

ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันการป่วยหนักจากโควิด และไข้หวัดใหญ่ในช่วงฤดูฝน กรมควบคุมโรคจึงขอเชิญชวนให้ผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงทุกคน ติดต่อเข้ารับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต่อโควิด ไม่ว่าจะเป็นวัคซีน หรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน โดยหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามไปยังสถานพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK