ศูนย์จีโนมฯ เผย ‘XBB.1.5’ โอไมครอนลูกผสม ที่น่ากังวลที่สุด และ นิวยอร์ก กำลังกลายเป็น ‘ฮอตสปอตใหม่’ พบเพิ่มจำนวนเร็วมาก
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกกำลังจับตามองโอไมครอนลูกผสม “XBB.1.5” ด้วยความกังวล และนิวยอร์ก กำลังกลายเป็น ฮอตสปอตใหม่ของโควิดตระกูลนี้ ดังนี้
แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
โควิด-19 สายพันธุ์อุบัติใหม่ที่ “น่ากังวลมากที่สุด” ในปัจจุบันคือโอไมครอนลูกผสม “XBB.1.5”
นิวยอร์กกำลังกลายเป็น ‘ฮอตสปอตใหม่’ ของโควิดตระกูล XBB ที่พบแพร่ระบาดใหญ่ในสิงคโปร์เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่นิวยอร์กรายวัน ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมจนถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับโควิดสายพันธุ์อื่นที่ระบาดในนิวยอร์ก
คาดว่าจะระบาดเข้ามาแทนที่โอไมครอน BQ.1 อย่างรวดเร็ว
โดยพบ
- มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ที่นิวยอร์กสูงกว่า BQ.1 ถึง 144%
- มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดสูงกว่า BQ.1 ทั่วสหรัฐ 122% และมี
- มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด สูงกว่า BQ.1 ทั่วโลกประมาณ 94%
จากฐานข้อมูลเก็บรหัสพันธุกรรมโควิดโลก “GISAID” พบแล้วทั้งสิ้น 288 ตัวอย่าง ยังตรวจไม่พบในประเทศไทย
ประเมินว่า XBB.1.5 ได้กลายพันธุ์มาจาก XBB* ที่นิวยอร์ก โดยมีอัตราการเพิ่มจำนวนประมาณถึง 100% ในแต่ละสัปดาห์
ได้เปรียบทั้งการเติบโต–แพร่ระบาด–หลบภูมิ
โดยอาศัยเทคโนโลยีด้าน “ชีวสารสนเทศ” ที่ก้าวหน้าไปอย่างมากมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมโควิดทั้งจีโนม (whole SARS-CoV-2 genome sequencing) ตลอด 3 ปี จำนวนกว่า “14.2 ล้านตัวอย่าง” ช่วยให้เราสามารถทำนายรูปลักษณ์ของโปรตีนหนาม ที่แตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ของโควิด-19 ได้อย่างแม่นยำเพื่อบ่งชี้
- ความสามารถของ “โปรตีนหนาม” ของสายพันธุ์นั้น ในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน(immune escape) เนื่องจากรูปร่างโปรตีนหนามเปลี่ยนไป อันมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์
- ความสามารถของโปรตีนหนามของสายพันธุ์นั้นในการยึดจับตัวรับ “ACE-2” บนผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อ เพื่อแทรกเข้าไปภายในเซลล์ (ACE-2 binding score) เนื่องจากรูปร่างโปรตีนหนามที่เปลี่ยนไปอันมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์
สรุปว่า XBB.1.5 เป็นโควิด-19 ที่มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) และมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน และการเข้ากับผิวเซลล์เพื่อทะลุผ่านเข้าไปภายในเซลล์สูงที่สุดในโลก ณ. ขณะนี้ อันเป็นสาเหตุที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกกำลังจับตามองด้วยความกังวล
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอยง’ เฉลยแล้ว เราต้องใส่ ‘หน้ากากอนามัย’ ป้องกันโควิด อีกนานแค่ไหน? เช็กเลย!!
- ศูนย์จีโนมฯ ย้ำ เร่งสร้าง ‘ปราการด่านที่ 4’ สู้โควิด ‘ยาต้านไวรัสค็อกเทล’ หลังไวรัสกลายพันธุ์ต่อเนื่อง
- หมอยง เป็นห่วง โควิดขาขึ้น ‘ไวรัสกลายพันธุ์หนีภูมิ’ แอนติบอดี ‘LAAB’ ที่มีอยู่ควรรีบใช้ ก่อนจะใช้ไม่ได้ผล