Opinions

‘LOCALISM’ การกลับมาของกระแส ‘ท้องถิ่นนิยม’

Avatar photo

“ท้องถิ่นนิยม” (localism) ไม่ใช่แนวคิดใหม่ หากแต่ถูกพูดถึงอีกครั้ง จากวิกฤติหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ภาคส่วนต่าง ๆ ต้องหันกลับมามองท้องถิ่น ทบทวนนโยบาย และให้น้ำหนักกับแนวคิดนี้มากขึ้น จึงขอพามาทำความรู้จักแนวคิดนี้ที่หวนกลับมามีบทบาทต่อเศรษฐกิจโลก

จาก Global สู่ Local

ในอดีต กระแสโลกาภิวัตน์ ที่เกิดจากการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ประเทศต่าง ๆ มีความสัมพันธ์ และเชื่อมโยงกันทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง

ท้องถิ่นนิยม

ภาคธุรกิจต่างก็มองหาของดีกว่า และราคาถูกกว่า เพื่อนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่เมื่อใดที่ประเทศประสบปัญหาจากปัจจัยภายนอก ก็มักจะหันกลับมาให้ความสำคัญกับความมั่นคงภายใน เกิดความชาตินิยมกันมากขึ้น  ยกตัวอย่างเช่น คำขวัญที่ว่า “Make America Great Again” ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งมีที่มาจากปัญหาการขาดดุลทางการค้าระหว่างประเทศ

แน่นอนว่า ย่อมนำมาสู่การส่งเสริมให้มีการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น และสนับสนุนบทบาทของชุมชน ทั้งในด้านการผลิต การบริโภค และการบริหารจัดการพื้นที่มากขึ้น หรือที่เรียกว่า “localism” นั่นเอง

วิกฤติห่วงโซ่อุปทาน โอกาสของ Localism

จากการสำรวจ 50 ตลาดจากหลายประเทศทั่วโลกของบริษัท Kantar ที่ปรึกษาด้านการวิเคราะห์ และข้อมูลแบรนด์ ในปี 2563 พบว่า โควิด 19 ได้เร่งให้เกิด localism โดย 2 ใน 3 ของประเทศทั่วโลกมีความต้องการซื้อสินค้า และบริการ ที่มีแหล่งผลิตในประเทศ และแบรนด์ท้องถิ่นได้รับความนิยมมากขึ้น

ขณะที่สินค้าจากซัพพลายเออร์รายใหญ่ของโลก อย่าง จีน กลับได้รับความนิยมลดลง เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากมาตรการควบคุมโควิด 19 ของจีนที่ทำให้ต้องปิดการผลิตและระบบคมนาคมขนส่ง

ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครนที่ยืดเยื้อ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานโลก โดยเฉพาะสินค้าประเภทธัญพืช ซึ่งยูเครนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก สงครามระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้ธัญพืชขาดแคลน และราคาสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ผลิตในอุตสาหกรรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงผู้บริโภคทั่วโลก

ด้วยเหตุนี้ ภาคธุรกิจจึงต้องทบทวนกระบวนการ แหล่งวัตถุดิบ และปริมาณสต็อก โดยเปลี่ยนวิธีคิด จากเดิมที่เน้นต้นทุน และประสิทธิภาพ มาเป็นความมั่นคง และการกระจายความเสี่ยงแทน นำมาซึ่งแนวคิดการปรับสัดส่วนด้านทรัพยากรการผลิตให้พึ่งพาตนเองมากขึ้น บางรายเปลี่ยนไปกระจายแหล่งซัพพลายเออร์ ไม่ให้กระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่แหล่ง

ท้องถิ่นนิยม

Global Risk Report ปี 2565 เปิดเผยว่า บริษัทกว่า 50% เห็นว่า ความเสี่ยงห่วงโซ่อุปทาน มีมากกว่าประโยชน์ที่เคยได้รับ เช่น ต้นทุนที่ต่ำกว่า อีกทั้งผลการสำรวจของ แมคคินซีย์ ในปี 2565 พบว่า กว่า 80% ของผู้นำด้านห่วงโซ่อุปทาน มีการจัดหาวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์หลายรายมากขึ้น อย่างบริษัทในสหรัฐ มีการขยายจำนวนประเทศในการจัดหาวัตถุดิบ บางรายเพิ่มศักยภาพของคลังสินค้า เพื่อรองรับความเสี่ยงกรณีที่ความต้องการเพิ่มขึ้นหรือต้องกักตุนวัตถุดิบได้

ในญี่ปุ่น ธนาคารของรัฐก็มีนโยบายให้เงินอุดหนุนแก่บริษัทที่ต้องการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ อีกทั้งผู้ประกอบการยังปรับการลงทุนใหม่ จากเดิมที่เน้นการสร้างโรงงานขนาดใหญ่ มาเป็นการเปิดโรงงานขนาดเล็กในพื้นที่ที่ใกล้กับลูกค้า และแหล่งวัตถุดิบในชุมชน ตลอดจนหันไปใช้ช่องทางขนส่งจากผู้ประกอบการในพื้นที่มากขึ้น

กระแสดิจิทัล และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมปัจจัยหนุน Localism

ไม่เพียงแต่ส่งผลด้านการผลิต แต่ท้องถิ่นนิยมยังลงลึกถึงผู้บริโภครายย่อยแบบเรา ๆ ท่าน ๆ โดยตรง เมื่อความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันได้ช่วยทลายข้อจำกัดด้านระยะทาง ผู้นิยมท้องถิ่นจึงไม่ได้หยุดการซื้อขายสินค้าไว้เฉพาะในท้องถิ่นของตัวเองเท่านั้น

แพลตฟอร์ม “Ma Zone Quebec” ขายสินค้าท้องถิ่นในรัฐควิเบก ประเทศแคนาดา หรือแพลตฟอร์ม “Tienda Cerca” ที่เชื่อมโยงร้านค้าในเมืองโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย เทรนด์นี้ทำให้ผู้ประกอบการร้านออนไลน์ชูจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ บอกเล่าเรื่องราวอย่างสร้างสรรค์ เชื่อมโยงแบรนด์ เข้ากับวัฒนธรรมชุมชนอย่างน่าประทับใจ และช่วยสร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก ตลอดจนช่วยขยายตลาดให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย

ท้องถิ่นนิยม

แนวคิดท้องถิ่นนิยมยังสอดคล้องความยั่งยืน เพราะเมื่อผู้คนหันมาสนใจท้องถิ่น ก็เริ่มมีความใส่ใจ และหวงแหนทรัพยากรมากขึ้น ผู้บริโภคจึงมีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ท้องถิ่น ที่มีการดำเนินงานที่โปร่งใส และยั่งยืน

กระแสดังกล่าวทำให้แบรนด์ระดับโลกเองก็หันมาใช้กลยุทธ์ที่เน้นการเชื่อมโยงกับชุมชน และการรักษาสิ่งแวดล้อมมาเป็นจุดขายมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ไม่ว่าในอนาคตกระแสโลกจะพัดไปในทิศทางใด แต่ความเข้มแข็งของท้องถิ่นจะกลายเป็นกำลังสำคัญใหม่ ที่จะช่วยให้ประเทศสามารถแข่งขันได้

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม