Entertainment

ย้อนบทสัมภาษณ์ ‘เติ้ล ธนพล’ รับคดีขโมยไฟหลวง ทำชีวิตตกต่ำ หันพึ่งเหล้าจนเกือบตาย

ย้อนบทสัมภาษณ์ เติ้ล ธนพล รับคดีขโมยไฟหลวง ทำชีวิตตกต่ำ ไม่กล้าออกจากบ้าน จนต้องพบจิตแพทย์ สุดท้ายหันพึ่งเหล้านานนับปี ทำป่วยหนักเกือบตายมาแล้ว 2 รอบ

เป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ หลังจากที่ศาลฎีกามีการอ่านคำพิพากษาตัดสินจำคุก เติ้ล-ธนพล นิ่มทัยสุข อดีตพระเอกดัง เป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีลักลอบต่อไฟหลวงมาใช้ในกิจการคาร์แคร์เป็นเวลานานถึง 2-3 ปี

เติ้ล ธนพล

ย้อนบทสัมภาษณ์ เติ้ล ธนพล รับคดีขโมยไฟหลวง ทำชีวิตตกต่ำ หันพึ่งเหล้าจนเกือบตาย

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา เติ้ล ธนพล ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งยอมรับว่าคดีที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิต ถึงขั้นต้องพบจิตแพทย์ สุดท้ายหันไปพึ่งเหล้า จนตัวเองป่วยหนัก เกือบเอาชีวิตไม่รอด

เรื่องราววันนั้นเหมือนมันพลิกผันไปหมด ถือว่าเราอาจจะเป็นเด็กด้วย ด้วยความที่ว่าเราอาจจะทำโดยไม่รู้เท่าถึงการณ์ หรือว่าอาจจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่เราก็ยอมที่จะชดใช้ทั้งหมดประมาณแสนกว่าบาท

ตอนนั้นเรื่องราวใหญ่โตมาก แต่ไม่เคยออกมาพูด เพราะไม่รู้ว่าจะพูดไปทำไม เราเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว เราไม่มีหุ้นส่วน แล้วเราไม่รู้ว่าเราจะทำยังไง เลยเลือกที่จะรับผิดชอบเพียงคนเดียวดีกว่า จากนั้นงานในวงการถูกแคนเซิลหมด ละครโดนยกเป็น 10 เรื่อง รู้สึกเสียเซลฟ์ไปเลย ทุกอย่างมันพังทลายไปในพริบตา เหมือนกับเราฆ่าคนตาย เราค้ายาเสพติด เราทำผิดมหันต์อะไรประมาณนี้

ทั้งที่ตัวเองยอมรับในการชำระโทษ แต่ในสังคมเวลาออกมานอกบ้าน สายตาที่มองเราเหมือนกับ… หรือเราคิดไปเอง อาจจะเหมือนกับว่ามึงทำผิด มึงฆ่าคนตาย จนเรารู้สึกว่าเราจิตตกไปเอง ไม่กล้าที่จะออกไปไหน ทั้งที่ทุกคนรอบตัวพยายามจะให้กำลังใจ เพราะว่าตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยขึ้นโรงพักด้วยซ้ำไป พอเรามีคดีความเรารู้สึกกลัว กลัวในการทำผิด กลัวทุกอย่าง กลัวว่าใครจะคิดยังไง คิดถึงตัวเราว่าคนนี้มองเราแปลก ๆ ระแวงไปหมด สายตาที่เขามอง เขาต้องคิดว่าเราฆ่าคนตายหรือเปล่า มันเหมือนแบบนั้นไป เราคิดถึงขนาดที่ว่าแล้วพ่อแม่ของเราจะกล้าออกไปไหม เพราะลูกขโมยไฟใช้ ทั้ง ๆ ที่เราก็จ่ายค่าไฟเดือนนึงเกือบ 30,000 บาท

กิจการคาร์แคร์ของ เติ้ล ธนพล

รู้สึกว่ามันคือตราบาปมาก ต้องไปพบจิตแพทย์ เพราะไม่กล้าออกไปไหน ไม่กล้าแม้แต่เดินออกนอกบ้าน ไม่กล้าแม้แต่จะพบปะกับใคร จากสิ่งที่ไม่เคยกลัว กลัวคน กลัวจิ้งจก กลัวไปหมด กลัวเสียงดัง กลัวคนมาพูดใส่ กลัวในสิ่งที่ไม่น่ากลัว อยู่แต่บ้านอย่างเดียว อยู่มุมของตัวเอง คือ หน้าตู้เย็น เป็นจุดที่นั่งแล้วสบายใจที่สุด มันเป็นที่แคบ ๆ เรารู้สึกปลอดภัย ประมาณปีกว่าที่นั่งอยู่มุมนั้น

ไปพบจิตแพทย์คุณหมอก็ให้ยามาทาน เพื่อให้เราหลับ ให้เราคลายกังวล คลายเครียด มันคลายไปหมดจนลืมไปหมด กลายเป็นว่าจำอะไรไม่ค่อยได้ สมองส่วนกลางถูกทำลาย

สุดท้ายตัดสินใจหยุดยา หันมาแอลกอฮอล์เป็นตัวช่วย วันนึงประมาณกลมนึง เริ่มตั้งแต่ตื่นนอน จิบทั้งวัน จิบให้หลับ พอหลับได้ 1-2 ชม.หันไปหันมาไม่รู้จะทำอะไรก็ดื่มอีก เรียกว่าดื่มแทนข้าวได้เลย ผสมน้ำ ข้าวไม่กิน เป็นแบบนี้เป็นปีจนตับพอง เส้นเลือดดำในทางเดินอาหารพอง เป็นเหมือนข้อเลือด เป็นเม็ดขึ้นมา เป็นจุด ทั้งหมด 7 จุด

คุณหมอบอกว่า คุณมีระเบิดอยู่ในตัว 7 ลูก แล้ววันนั้นเป็นวันที่ไปงานเลี้ยงวันเกิดพี่ มันแตก 3 จุด ถ่ายเป็นเลือด ถ่ายไม่หยุด ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ มันออกมาทีละลิตร แล้วมีภาวะช็อกด้วย เนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ

ตอนนั้นอยู่โรงพยาบาล ตื่นมาไม่เห็นอะไร แล้วบอกคุณพยาบาลว่า ผมขอโทรหาคุณแม่ผมหน่อย ผมบอกแม่ว่าที่นี่เขาดูแลดีจังเลย เขาใช้หมอตั้ง 4 คนมาดูแลเรา แล้วแม่ก็บอกว่า แกยังไม่รู้อีกเหรอว่าแกกำลังจะตาย ตอนนั้นเราก็ใส่เครื่องช่วยหายใจ น้ำเกลือ 8 จุด ถ่ายเลือดทุกครึ่งชั่วโมง ค่ารักษาในโรงพยาบาล 5 วัน หลักล้าน ตอนนั้นโชคดีมีประกันครับ ถ้าไม่อย่างนั้นคงเครียดกว่าเดิม

เติ้ล ธนพล

ออกจากโรงพยาบาลมาหยุดดื่ม เลยหันมากินนม ออกกำลังกาย แต่พอเข็ดได้สักระยะ ความรอบ 2 ก็เกิดขึ้น ตอนนั้นไปสร้างโรงเรียนที่ท่าสองยาง จังหวัด แม่ฮ่องสอน ขึ้นไปก็มีการดื่มไวน์กันแก้วนึง มีผู้ใหญ่ชวนดื่ม ก็ให้เป็นเกียรติ เข้านอน ตื่นเช้ามาไม่มีอาการ เช้ามาก็ขับรถออกไปอีกสัก 60 กิโล แต่มันเป็นทางขึ้นเขา ก็ไม่มีอาการอะไร ทานข้าวปกติ ขากลับมาถึงสิงห์บุรีก็ดื่มไวน์อีกแก้วนึง คราวนี้เริ่มมี เริ่มไม่ปกติ เริ่มมีท้องพอง ๆ เหมือนจะอาเจียน ตัดสินใจว่าจะหาโรงแรมพัก แล้วออกตอนเช้าดีกว่า

พอเข้าโรงแรม อาบน้ำเสร็จ เหมือนปีโป้อยู่ในปาก 2 ชิ้น มันคือลิ่มเลือด อาเจียนออกมาในอ่างน้ำ แต่ตอนนั้นยังไม่สนใจ เพราะว่าเราทานยาบำรุงเลือดเป็นสีแดงด้วย เราก็คิดว่ามันอาจจะเป็นน้ำย่อย พอออกมานั่งสักพักนึง หยิบถังขยะมาวางข้าง ๆ รู้สึกพะอืดพะอม คราวนี้ครึ่งถังขยะ ออกมาเป็นเลือด

ช่วงนั้นโควิดระบาดหนัก เข้าโรงพยาบาลไม่ได้ ไม่มีที่ไหนรับเลย โทรไปโรงพยาบาลไม่มีแม้แต่ห้อง ไม่มีแม้แต่เลือดในกรุงเทพ เตียงก็ไม่มี ต้องเข้าโรงพยาบาลสิงห์บุรี แล้วโรงพยาบาลอยู่หลังโรงแรมพอดี ถ้าไกลกว่านั้นคงเสียชีวิตไปแล้ว เพราะวันนั้นออกมาจากห้องน้ำแล้วช็อก คือไม่มีตาดำแล้ว แล้วก็ล้มไปหัวฟาดพื้น แล้วก็กระอักเลือดออกมา รักษาตัวอยู่นาน 5 วัน นอนห้องรวม ไม่กล้าดื่มอีกแล้ว เข็ดตลอดชีวิต

เติ้ล ธนพล

ขอบคุณ คุยแซ่บShow

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo