Entertainment

‘กบ ปภัสรา’ โดนเมาท์หนูตกถังข้าวสาร ย้อนเส้นทางรักสามีต่างวัย คบแค่ 2 เดือนแต่งเลย

“กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์” นักแสดงและผู้จัดคนสวยเจ้าของตำแหน่ง Miss Thailand World ปี 2531 วันนี้มาเปิดเส้นทางความรักกับสามีคู่ชีวิต “เอ๋-พรเทพ เตชะไพบูลย์” ที่คบหาเพียง 2 เดือนก่อนแต่งงาน จนถูกเมาท์เป็นซินเดอเรลล่าเมืองไทย พร้อมแชร์ประสบการณ์ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ในรายการ “คุยแซ่บSHOW” ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล และ เป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

5 กบ ปภัสรา5

โควิด 19 ส่งผลกระทบอะไรบ้าง ?

กบ ปภัสรา : ถ้าพูดถึงเรื่องงาน เรื่องกองละครก็กระทบมาก เพราะเพิ่งถ่ายได้คิวเดียวก็ต้องหยุด คือก่อนจะมีฟิตติ้งก็หยุดไปรอบหนึ่งแล้ว พอมีฟิตติ้งก็โดนอีก แล้วก็ต้องเลื่อนไปอีก 2-3 เดือน พอขอคิวไปได้คิวถ่ายแค่คิวเดียว ตอนนี้ก็หยุดยาว งานก็ทำไม่ได้ สงสารทีมงาน เพราะหลังจากนี้การทำงานก็จะยากขึ้น คือจะออกกองแต่ละครั้งต้องทำจดหมายถึง กสทช. ต้องล่วงหน้า 7 วัน แถมต้องส่งรายละเอียดทั้งหมด ตอนนี้ก็เลยต้องหยุด ต้องรอประกาศอีกทีหนึ่งว่าจะให้เราเริ่มทำงานได้เมื่อไร

ส่วนร้านอาหาร บ้านสวนองุ่น ที่สวนผัก ตลิ่งชัน ซึ่งเปิดมา 8 ปีแล้ว ก็มีผลกระทบต่อเนื่องมาตลอด จากเฟสแรก พอเฟสสองเริ่มสตาร์ตมาดีก็โดนอีกแล้ว ก็ต้องใช้วิธีปรับและเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด จากตอนแรกเปิดข้างบนไม่ได้ ก็มีทานในร้านได้แต่ต้องเว้นระยะห่าง ซึ่งพอจัดเสร็จก็จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจ มาดูแล ว่าร้านเราโอเคไหม พอขายได้กำลังจะเริ่มดี โควิดก็มาอีกแล้ว

ร้านเราเดลิเวอรี่ช่วงบ่าย 2 แต่บางทีมันไกลมากมันก็ไม่ไหว เพราะบางทีลูกค้าไม่ได้สั่งของเยอะ กลายเป็นว่าเราจ่ายค่ารถเยอะกว่า ก็เลยหยุด แต่ตอนหลังนี้กลายเป็นว่ามีคนมาสั่งของแล้วนำไปมอบหรือบริจาคเยอะขึ้น ก็เลยต่อยอดได้ พนักงานอยู่ได้ ก็ช่วยกัน พอมาเจอรอบนี้ปิดอีกแล้วเปิดไม่ได้ ก็เลยต้องปรับมาขายก๋วยเตี๋ยว ขายส้มตำข้างล่าง ลูกค้าก็โทรศัพท์มาสั่งเทกโฮมกลับบ้าน เราก็ต้องเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ร้านอยู่ได้ ลูกน้องอยู่ได้

5 กบ ปภัสรา3

เห็นว่ามีช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ช่วยอะไรบ้าง ?

กบ ปภัสรา : อันแรกคือกลับไปบ้านที่สุพรรณ ซึ่งเราจะเห็นภาพของผู้ป่วยลามเข้ามาในพื้นที่ของเรา วันนั้นไปท่านนายอำเภอทราบว่ากบไปบ้าน ท่านก็ขอมาพบเรา แล้วก็ปรึกษาเรื่องทำโรงพยาบาลสนามในพื้นที่เรา คือกบก็งง ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะอีก 2-3 อาทิตย์ ปรากฏว่าพอกบกลับบ้าน น้องสาวก็โทร. มาบอกว่าท่านนายอำเภอบอกว่ารอไม่ได้แล้ว ต้องทำเดี๋ยวนี้ แล้วก็แจ้งมาว่าขาดเตียง ขาดมุ้ง ขาดหมอน

เบื้องต้นขาด 50 เตียง ก็ปรึกษากับน้องว่าต้องไปซื้อที่ไหน สรุปน้องก็ไปจัดการไปซื้อที่นาเกลือพิการ ซื้อฟูก ซื้อหมอน ซื้อเตียง ซื้ออะไรมา แล้วกบก็เริ่มคุยกับเพื่อนว่าโรงพยาบาลสนามเขามีอะไรบ้าง เพื่อนก็บอกว่าไม่ต้องซื้อก็ได้เขามีเตียงกระดาษ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าต้องสั่งที่ไหน คือเราไม่รู้อะไรเลย

เราโชคดีที่มีกัลยาณมิตรที่ดีมาก เพื่อนก็ให้ไปที่นี่เขามีนะเอสซีจี เข้าไปที่มูลนิธิปูนซีเมนต์ แล้วก็ขอรายละเอียดขอลิงก์มา แล้วก็แจ้งเขาว่าเราอยากได้เตียงสนามมีไหม ซึ่งทางโน้นก็แจ้งว่ายังไม่มีเพราะคิวเขายาวมาก เขาก็ถามเรากลับว่ามาจากหน่วยงานไหน เราก็บอกว่าไม่มีหรอกเพราะเราทำกันเอง ไม่ได้ใช้เงินของหน่วยงานรัฐ เราก็ทำกันเองเท่าที่เราจะทำได้ สุดท้ายก็ได้คุย คือช่วงแรกที่คุยกัน คนที่มารับเตียงสนามเขาไม่รู้รายละเอียดว่าถ้าเอารถมารับ รถที่มารับเขาจะบอกกฎระเบียบของการรับ ของคนขับ ของคนมารับ รวมถึงกฎระเบียบการแต่งตัว คือต้องเซฟหมด ทุกอย่าง ซึ่งทางเอสซีจีจะแจ้งมา ระยะแรก ๆ คนที่มารับอาจจะยังไม่ทราบ สรุปเราก็ได้มา 20 เตียง ทำไปทำมาจากที่เราได้ต้นทุนจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาแสนนึง ก็เริ่มมีชาวบ้านมาร่วมบริจาค จนเราได้ 100 เตียง ได้เตียงมาไม่เกิน 5 วัน คนก็เต็มจนล้นแล้ว

5 กบ ปภัสรา1

อยากทราบว่า คุณกบเอาเงินมาจากไหน ?

กบ ปภัสรา : แรก ๆ เราก็งง ๆ ต่อมาเราก็เอาเสื้อผ้าเรามาขายมือสอง เงินที่ขายได้ทั้งหมดเราก็เอาไปช่วยผู้ป่วยติดเตียงบ้าง โรงพยาบาลสนามบ้าง พอเสื้อผ้าหมดเราก็ปรึกษาเพื่อน ซื้อกระเป๋ามาขาย คือกำไรจากการขายกระเป๋าเราก็นำไปบริจาคทั้งหมดเลย

ตอนนี้เรากำลังทำที่ที่ 2 เพิ่งเปิดไปเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ที่แรกเราทำที่ จ.สุพรรณบุรี ต.ลานสะแก ส่วนที่ที่ 2 ก็เป็นที่สุพรรณเหมือนเดิม แต่เป็น ต.ทุ่งคอก ที่ที่ 2 มีเตียงทั้งหมด 236 เตียง ที่นี่เราโชคดีเพราะที่นี่เป็นรีสอร์ต เราก็เลยไม่ต้องใช้งบประมาณของเตียงเยอะ

เรื่องของห้อง ทาง ผอ.โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 ท่านก็ไปประสานไว้ว่าเราอยากจะมาใช้ เพราะคนที่เป็นสีเขียวเยอะมาก ถ้าเราไม่เอาคนมาไว้ที่นี่ โอกาสที่เขาไปอยู่ที่อื่นเขาก็จะแพร่เชื้อไปเรื่อย ๆ เราก็เอาเขามาอยู่กับเราก่อนที่โรงพยาบาลสนาม เราก็ได้ห้องส่วนหนึ่ง เป็นห้องบอลรูมใหญ่ ๆ เพื่อนให้เตียงเหล็กมา 50 เตียง เราก็เอาไปใส่เป็นเตียง 2 ชั้น ซึ่งเราก็ตัดสินใจตัดมันจาก 50 เตียง เราก็ได้เป็น 100 เตียง

ถามเรื่องความรักบ้าง อยู่ด้วยกันมา 22 ปีแล้ว ตอนนั้นเจอกันได้อย่างไร ?

กบ ปภัสรา : ตอนนั้นเจอกันเพราะคุณอายิ่งพันธ์ มนะสิการ กบเรียกท่านว่าคุณพ่อ เป็นคุณพ่อบุญธรรม ท่านเป็นคนแนะนำให้รู้จัก บอกว่าตอนนี้ท่านเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงวิทย์ฯ อยู่ เขาก็ไม่รู้จัก แต่ก็ตอบไปว่าค่ะ คือเราก็คิดว่าเขาไม่น่าจะสนใจ หรือมองคนที่ทำอาชีพดารา นักแสดง แบบเราหรอก คุณอาก็บอกให้มาเจอ เราก็บอกว่าก็ได้ ๆ

ตอนนั้นเราทำร้านอาหารอยู่ เราก็บอกคุณอาว่าเราไม่เจอข้างนอกนะ ถ้าจะเจอก็มาเจอกันที่ร้านอาหารก็แล้วกัน มาวันแรกเราก็ยุ่งมาก เพราะตอนนั้นเรากำลังจะทำละครเรื่องมัสยา ก็เลยได้คุยบ้างไม่ได้คุยบ้าง เพราะเราต้องติดต่อสถานที่ ติดต่อนั่นโน่นนี่ ซึ่งคุณอาก็แอบมาบอกว่าเราไม่น่ารัก เพราะผู้ใหญ่มาเราก็เดี๋ยวก็ลุกทำโน่นนี่ วันนั้นก็จบสภาพแบบนั้น ตอนหลังเราก็บอกว่าก็ให้มา เพราะเราก็ไม่ได้ไปไหน คืออยากเจอก็มา พี่เอ๋เสร็จงานจากกระทรวงก็มาทุกวัน เพราะยุคนั้นมีแค่เพจเจอร์

คือเราเจอทุกวัน ก็ได้คุยทุกวัน แล้วอายุเรา 30 แล้ว เราก็คุยกัน เราก็บอกเขาไปเลยว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนนะ เราทำกับข้าวไม่เป็น เขาก็บอกว่าเขาก็ไม่ได้สนใจว่าผู้หญิงต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือน เขาก็เล่าให้เราฟังว่าเขามีครอบครัวนะ แต่ว่าหย่าไปแล้ว 10 ปี มีลูก 3 คน เขาก็เล่าว่าประวัติเขาโชกโชนมาก เป็นเสือผู้หญิงโน่นนี่

5 กบ ปภัสรา4

อายุห่างกันมากไหม ?

กบ ปภัสรา : ห่างกัน 16 ปี เขาก็เล่า เราก็บอกว่าไม่เป็นอะไร ถ้าคิดจะเริ่มต้นด้วยกันอะไรที่ผ่านมาก็จบไป เราก็จะเริ่มต้นแล้วเดินไปข้างหน้า

สุดท้าย 2 เดือนตัดสินใจแต่งงาน ?

กบ ปภัสรา : ใช่ คนก็บอกกันว่าเร็วมาก คือเราก็บอกเขาไปว่าถ้าชอบก็ให้แม่มาขอ เขาก็บอกว่าไปอยู่ด้วยกันเฉย ๆ ไม่ได้เหรอ เราบอกไม่ได้ เพราะเราก็มีพ่อมีแม่ ก็เลยคุยกันว่าต่างคนต่างไปคุยกับพ่อแม่ตัวเองว่าจะไม่จัดงานแต่งได้ไหม เพราะทางโน้นเขาก็เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วและมีลูกแล้ว

เราก็คิดว่าให้ผู้ใหญ่มาคุยกัน มารับรู้แล้วค่อยแถลงข่าวทีหลัง แกก็ไปคุยกับแม่แกว่า “แม่ เอ๋จะแต่งงานกับกบนะ” คือเขาไม่มีเกริ่นกับแม่เลยนะ แม่เขาก็งง ๆ หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าแต่เราจะไม่จัดงานแต่งนะ แต่คุณแม่พี่เอ๋เขาไม่ยอม คุณแม่บอกว่าต้องจัดงานแต่ง จะงานเล็กงานใหญ่เอ๋ก็ต้องจัด เพราะลูกเขามีพ่อมีแม่ คุณแม่เขาน่ารักมาก แต่ทางแม่ของกบบอกว่าอย่างไรก็ได้ ก็แล้วแต่กบละกัน เพราะแม่เราเป็นคนต่างจังหวัด ยังไม่รู้เลยว่า พรเทพ เตชะไพบูลย์ เป็นใคร เป็น ส.ส. หรือเปล่า คือแม่เขาไม่รู้อะไรเลย รับฟังจากลูกอย่างเดียว

พอต้องจัดงานเราก็ตกลงกันว่าไม่ต้องจัดงานใหญ่โต เราเอาแค่ข้างละ 15 คนก็พอ ตอนแรกก็ปิดข่าวยังไม่ให้ใครรู้ แต่พอจะไปหาฤกษ์มันก็ยุ่งยาก พี่เอ๋เลยบอกว่าเอาฤกษ์ที่เราสะดวกนี่แหละ วันที่ 18 เดือน 9 แต่งเลย แต่เราไม่สะดวกไง คือเรามีบวงสรวงละครวันนั้นพอดี เราก็เลยไปบวงสรวงละครตอนเช้า กลับมาก็แต่งงาน ซึ่งงานแต่งเราดีนะ เพราะไม่ว่าจะเป็นงานหมั้นช่วงเช้า หรืองานแต่ง เป็นพี่ ๆ สื่อมวลชนทั้งหมด

คนเมาท์ว่าเป็นหนูตกถังข้าวสาร เป็นซินเดอเรลล่าเมืองไทย ?

กบ ปภัสรา : ใช่ ๆ น่าจะเป็น เพราะเราเป็นนักแสดง แล้วเราไปแต่งงานกับตระกูลดัง ๆ คือพอไปเจอคำว่าตกถังข้าวสารก็จะนิดหนึ่ง เพราะเราก็คิดว่าเราก็มีของเรา วันนั้นก็ยังไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะวันนั้นเรามีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว เรามีรถขับแล้ว เรามีเงินในบัญชีที่จะดูแลตัวเองได้ แต่พอผ่านไปได้สักพักก็มีการมาจดทะเบียนสมรสทีหลัง ตอนนี้ก็ผ่านมา 22 ปีแล้ว

ชีวิตเปลี่ยนอย่างไรบ้าง ?

กบ ปภัสรา : ไม่เปลี่ยนนะ เพราะเราสองคนห่างกัน 16 ปี เราสองคนไม่เคยมีอะไรเหมือนกันเลย อย่างเรื่องการกิน พี่เอ๋ไม่ทานปลาร้าแต่กบทาน กบไม่ทานเนื้อแต่พี่เอ๋ทาน ตอนแรก ๆ เขาแคร์เรา เราก็แคร์เขา แรก ๆ เราก็ถามว่าปลาร้าเราเอาเข้าบ้านได้ไหม เขาก็บอกว่าได้แต่ต้องอยู่ในครัว ห้ามเอาขึ้นโต๊ะ เราก็เลยถามเขาว่าแล้วเนื้อล่ะ เขาก็บอกว่างั้นก็ไม่ต้องเอาเนื้อขึ้นโต๊ะเหมือนกัน จะได้แฟร์ ๆ แต่พออยู่ ๆ กันไปสักพัก เราก็ให้เขาเอาเนื้อขึ้นโต๊ะได้เพราะเราไม่กิน ตอนหลังปลาร้าก็เอาขึ้นโต๊ะได้ หลัง ๆ พี่เอ๋เริ่มทานปลาร้าได้บ้างแล้ว คือมันอยู่ที่ความเข้าใจ พอเข้าใจกันแล้ว อายุที่มันห่างกัน 16 ปี มันก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเราจะต้องมีสิ่งที่ไม่ตรงกัน ไม่เข้าใจกัน พี่เอ๋เขาก็มองกบเหมือนมองเด็ก

5 กบ ปภัสรา2

น้องเหนือ ลูกสาวอายุ 21 แล้ว ตอนนี้เรียนที่ไหน ?

กบ ปภัสรา : เรียนที่จุฬาฯ คณะนิเทศอินเตอร์ เขาก็เป็นเด็กเก่ง เรียนดี กีฬาก็เก่งตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ส่วนเรื่องเข้าวงการบันเทิงนั้นเขาไม่ชอบ เอาเขามาเล่นเป็นเด็กวิ่งในกองถ่าย เขาก็ไม่ชอบ อย่างเรื่องกาเหว่า เราก็ขอให้เขามาเล่นสักฉากหนึ่ง คือเล่นง่าย ๆ เข้าฉากแล้วตาย เขาก็เยอะ ก็มีถามว่าบทเป็นอย่างไร ต้องร้องไห้ไหม ร้องไห้ไม่เอานะ ต้องเล่นอย่างไร คือเขาก็จะฟีลของเขา กว่าจะต่อรองให้เขาเล่นได้เป็นอาทิตย์กว่าจะยอมมาเล่นให้ เขาบอกว่าเขาไม่ชอบ

ลูกสาวนิสัยเหมือนคุณพ่อหรือคุณแม่ ?

กบ ปภัสรา : ก็เหมือนทั้งสองคน คือกีฬา เรื่องเรียนเก่งเหมือนคุณเอ๋ แต่ถ้าเรื่องความสวยต้องได้แม่ ถามว่ามีหนุ่มๆ จีบเขาเยอะไหม คือเขาก็จะใช้คำว่าเพื่อน เราก็ถามเขา เขาก็บอกว่าก็มี แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้นแหละ คือเราก็บอกเขาว่าถ้าบางคนคุยแล้วโอเคก็ให้พามาเจอเรา เพราะอย่างน้อยจะได้รู้ว่าเป็นใคร ไปไหน อะไรอย่างไร จะได้ดูแลกันได้

มีสเปกเรื่องลูกเขยไหม ?

กบ ปภัสรา : กบก็บอกเขาว่าเรื่องแฟนของลูก แม่ขอเป็นคนดี ทำมาหากิน ดูแลเลี้ยงลูกได้ ไม่มาเอาของลูก แล้วสรุปว่าเอาอย่างนี้ เอาให้เหมือนป๊านี่แหละ เพราะป๊าเขาก็หวงเหมือนกัน คือพอบอกว่าเหมือนป๊าทุกคนก็บอกว่าเยอะ แต่สรุปแล้วมันก็เป็นเรื่องของเด็ก ๆ เพราะสุดท้ายแล้วการที่เขาจะหาใครสักคนมาอยู่ในชีวิตของเขา เขาเป็นคนเลือกดีที่สุด คือถ้าเราเลือกให้ก็คงไม่ดีเท่าเขาเลือก เดี๋ยวจะมีปัญหาเรื่องชอบไม่ชอบ ให้เขาเลือกเองดีที่สุด แต่ก็มีเวลาอีกเยอะ เพราะตอนนี้เขาเพิ่งจะอายุแค่ 21 เอง ตอนนี้กำลังจะขึ้นปี 3

วันนี้เป็นวันแม่ อยากจะบอกอะไรกับลูกสาว ?

กบ ปภัสรา : ไม่เคยบอกอะไรเยอะ บอกแค่ว่าคุณคือลมหายใจของเรานะลูก พูดแบบนี้มาเสมอตั้งแต่เขาเกิด และเขาจำความได้ คือเราไม่มีอะไรพูดเยอะ เราพูดแค่นี้เขาก็รู้แล้ว

ติดตามรับชมรายการ คุยแซ่บShow ย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo