Entertainment

อดีตดาราสาว ‘แอนเน็ท เธท’ ช็อก! กอดสามีร่ำไห้ หมอทำคลอดติดโควิด รพ.ไม่ตรวจก่อน

อดีตดาราสาว แอนเน็ท เธท กอดสามีร่ำไห้ หมอทำคลอดติดโควิด-19 โรงพยาบาลชั้นนำของประเทศไม่ตรวจหาเชื้อให้บุคลากร ทำเพียงสอบถาม และวัดไข้

ความเสี่ยงที่โรงพยาบาลมอบให้ในวันที่คลอดลูก อดีตนักแสดงสาว “แอนเน็ท เธท” โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว @annette_t เล่าเหตุการณ์บีบหัวใจกอดสามีร้องไห้ ด้วยความเป็นห่วงลูกใจจะขาด หลังทราบว่าคุณหมอทำคลอดติดโควิด-19 โดยโรงพยาบาลไม่ได้ตรวจโควิดให้บุคลากรก่อนเข้าห้องคลอด แต่ทำเพียงสอบถาม และวัดไข้เท่านั้น ขณะที่การจัดการปัญหาต่าง ๆ ของโรงพยาบาลก็ไม่มีประสิทธภาพเพียงพอ

3 แอนเน็ท เธท5

แอนเน็ท เธท กอดสามีร่ำไห้ หมอทำคลอดติดโควิด-19 รพ. ไม่ตรวจหาเชื้อให้บุคลากร

หลาย ๆ คนน่าจะสงสัยทำไมแอนอยู่โรงพยาบาลนานจัง ใช่ค่ะแอนกักตัวจากโรคโควิดที่ได้รับความเสี่ยงมาจากโรงพยาบาลในวันที่เราคลอดลูก

“ยาวหน่อยนะคะ แต่น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆและคนในครอบครัวของหลาย ๆ คนนะคะ”

ก่อนอื่นขอเกริ่นนำนะคะว่าเรื่องราวผ่านมา 12 วันแล้ว และต้องกักตัวอยู่ต่อถึงวันที่ 16 สิงหาคม นี้

แอนตัดสินใจอยู่นานเหมือนกันว่าจะพูดแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนฟังดีไหม และตัดสินใจแล้วว่าอยากพูดเพื่อให้ครอบครัวอื่น ๆ คุณแม่ท่านอื่น ๆ เพื่อน ๆ และคนที่เรารักปลอดภัยและตระหนักไม่ต้องมาเจอเรื่องแย่ ๆ แบบที่แอนเจออยู่กับเหตุการณ์นี้ และขอย้ำว่าทุกอย่างที่พูดออกมาคือความจริง 100% ค่ะ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศแห่งนี้ค่ะ

***คุณหมอที่ทำคลอดให้แอนติดโควิดค่ะ และโรงพยาบาลไม่ได้ตรวจโควิดให้บุคลากรก่อนเข้าห้องคลอด โดยนโยบายคือ ทำเพียงสอบถาม วัดไข้เท่านั้น***

และการจัดการปัญหาต่าง ๆ ของโรงพยาบาลไม่มีประสิทธภาพเลย

3 แอนเน็ท เธท1

แต่แอนขอไม่พูดถึง คุณหมอนะคะ เพราะว่าท่านได้ให้ประสบการณ์การคลอดธรรมชาติที่สุดยอดมากและน่ารักกับแอนมาตลอด ถ้าให้เลือกอีกทีก็จะเลือกคุณหมอคนเดิม ประทับใจในตัวท่านสุด ๆ ค่ะ และจังหวะนี้ทุกคนมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้นเข้าใจดีค่ะไม่โกรธคุณหมอค่ะ

**หลังจากที่คุณหมอได้โทรมาแจ้งว่าติดโควิดในตอนที่เรากำลังจะกลับบ้านนั้น ประสบการณ์เลวร้ายมันก็
เริ่มขึ้นค่ะ คิดภาพตามนะคะเริ่มจากความช็อคก่อนหัวใจแอนตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม แล้วก็กอดกันร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงลูกใจจะขาด แล้วก็มีพยาบาลมาเข็นลูกออกไปหายไปจากห้องเรา 4 ชั่วโมงเพื่อตรวจ (ทำไมต้องนานขนาดนั้น ตัวแอนเองก็ได้ถูกส่งไปตรวจโควิดพร้อมกับสามี ผลของแอนออกมาภายใน 2 ชั่วโมง (เป็นลบ) แต่ผลของลูกแอนต้องรอ ตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงห้าทุ่มครึ่งกว่าจะรู้ผล ลูกอายุแค่สามวันคิดดูนะคะว่ามันบีบหัวใจคนเป็นแม่ขนาดไหนเป็นห่วงลูกที่สุด ไม่มีหมอพยาบาลเจ้าหน้าที่หรือ management ของทางโรงพยาบาลมาพูดคุยถึงขั้นตอน protocol หรือวิธีปฏิบัติตัวชัดเจน ตรวจเสร็จก็ไม่ได้บอกให้เราอยู่ต่อ หรือต้องทำยังไงปล่อยเราทวงถามเป็นสิบ ๆ ครั้ง ซึ่งไม่มีใครตอบตรงกันได้สักคน

จนช่วงหัวค่ำพี่นิกกี้ยืนยันกับพยาบาลว่าต้องอยู่ต่อ เพื่ออย่างน้อยได้พูดคุยให้ชัดเจนถึงการปฏิบัติตัวเพราะคงเอาความเสี่ยงกลับไปที่บ้านไม่ได้ และเราก็ถูกละเลยอยู่ทั้งหมด 24 ชั่วโมง หลังจากทราบข่าว โรงพยาบาลระดับสูงขนาดนี้ทำไมถึงไม่มี protoco และวิธีการรับมือให้แก่ทีมงานกันนะ ?

3 แอนเน็ท เธท4

ไม่มีใครรู้จริง ๆ ค่ะว่าจะต้องทำอย่างไร เราอยู่กับโควิดมาแล้วเป็นปี ๆ ทำไมท่านผู้บริหารถึงไม่สนใจทำ crisis training ลูกน้องกันหน่อยคะ ? ระหว่างที่กำลังงง ๆ เบลอ ๆ กันอยู่ได้สอบถามไปกับทางพยาบาลว่ามันเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นได้ยังไงเราเสียเงินตรวจโควิดก่อนเข้าห้องคลอดและบุคลากรทีมแพทย์ไม่ได้ตรวจ โควิดหรือ??????? “ในเว็บไซต์แจ้งมาอย่างชัดเจนว่าโรงพยาบาลตรวจโควิดให้แก่บุคลากรก่อนเข้าห้องคลอดทุกครั้ง”

แต่สิ่งที่พยาบาลตอบมาคือแค่ซักประวัติและตรวจอุณหภูมิเท่านั้น!!!!! ช็อคค่ะแม่ ช็อค!!!!!!! (เราได้สอบถามคำถามเดิมไปกับทุกคนที่มาพูดคุยและได้คำตอบเดียวกันทุกคนมีหลักฐานว่าไม่ได้มีการ ตรวจ swap หรือ atk ใด ๆ) ช็อค!!!!!!!!! สงสัยจังค่ะว่าทำไมเค้าตรวจเราเพื่อให้ความปลอดภัยแก่เขา แต่เราเสียเงินเยอะมากให้พรีเมียมกับโรงพยาบาลชั้นนำที่เราเลือกแล้วว่าดีถึงไม่ให้ความปลอดภัยนี้กลับมาถึงเรา???????? (รอท่านผู้บริหารตอบคำถามนี้มาจนถึงวันนี้ค่ะ)

*14:55 ของวันรุ่งขึ้น (24 ชม.ผ่านไป) เพิ่งจะมีเจ้าหน้าที่สองท่านมาพูดคุย (ตามที่เราได้ขอไปเป็น 10 ครั้ง) และแจ้งให้เราอยู่กักตัวถึงวันที่ 16 ที่โรงพยาบาลเราถามคำถามไปเยอะแยะมากมายท่านทั้งสองก็ได้แจ้งว่าจะกลับมาพร้อมคำตอบ (แล้ววันนี้ก็ยังรอคำตอบอยู่นะคะ)

3 แอนเน็ท เธท2

*ผ่านไปอีกสองวันเงียบไม่มี contact person ให้แก่เรา เคว้งคว้างมากจนพี่นิคกี้ต้องถามพยาบาลอยู่เรื่อย ๆ ถึงคำถามเดิม ๆ จนกระทั่งมี Associate Director of Woman’s Department โผล่มาคุยด้วยในวันที่ 6 ส.ค. เหมือนคุณเค้าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยที่เกิดขึ้นก็อธิบายเล่าเรื่องกันไปและก็ตั้งคำถามไปให้ท่านหาคำตอบมาให้ (ถึงวันนี้แล้วยังรอคำตอบอยู่นะคะ)

ต่อมาอีกวันนึงก็เลยพยายามติดต่อท่าน Associate Director ว่าได้คำตอบมาหรือยังที่ถามไปเราต้องทำอย่างไรกันต่อแล้วเมื่อไหร่จะมีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน ของทีมผู้บริหาร ขอเบอร์ติดต่อของท่านไว้แต่ถูกปฏิเสธบอกว่าไม่สะดวก!!!!!!!! หลายชั่วโมงท่านก็โทรกลับมาเพื่อชี้แจงว่าวันจันทร์ที่จะถึงจะมีผู้บริหาร
มาพูดคุยด้วย (ณ วันที่คุยคือวันเสาร์) แล้วเรื่องที่น่าตลกที่สุดก็คือวันจันทร์ไม่มีผู้บริหารท่านอื่นมาคุยแต่คนที่มาคุยคือ ท่าน Associate Director คนเดิมมาเอง และไม่มีคำตอบอัพเดทอะไร ไม่รู้ท่านเล่นเกมตลกปั่นหัวอะไรพวกเรา ท่านมาก็นั่งเงียบฟังอย่างเดียวไม่พูดไม่จาไม่มีคำตอบไม่มีแนวทางไม่มีอะไรทั้งสิ้นไร้ซึ่งประสิทธิภาพ (ยังคงรอคำตอบจากท่านอยู่จนถึงวันนี้)

ต่อมาเราก็มีผู้บริหาร หญิงท่านหนึ่งโทรติดต่อนัดหมายพูดคุยกับเราในวันที่ 10 ตอนนี้แอนกับพี่นิกกี้ก็ใจชื้นขึ้นมานิดนึงเพราะว่าตรวจโควิดรอบสองผลเป็นลบทั้งครอบครัวแต่ก็ยังไม่นิ่งนอนใจ พร้อมดีใจที่มีผู้บริหารอีกท่านหนึ่งที่น่าจะช่วยเราได้มาพูดคุยกับเรา แต่สิ่งที่เหลือเชื่อก็คือท่านผู้บริหารหญิงท่านนี้ไม่ทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยรู้แค่เพียงคุณหมอติดโควิดและโรงพยาบาลได้เข้ามาดูแลเราในการกักตัวเพียงเท่านั้น!!!! เค้าคิดว่าเค้าดูแลเราดีแล้ว การสื่อสารภายในองค์กรของท่าน =ศูนย์ ล้มเหลวไร้ซึ่งประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก

3 แอนเน็ท เธท3

คุยกันอยู่พักใหญ่ไม่คืบหน้าสิ่งที่ท่านผู้บริหารหญิงท่านนี้อธิบายกับเราว่าทำไมถึงมาคุยกับเราช้าเพราะว่ารับแขกวีไอพีอยู่!! นี่คือความเป็นความตายนะคะ น่าจะเป็น Medical Emergency ถ้าคุณป่วยคุณรอได้ไหม 10 วันแล้วค่อยรักษา มันต้องทันทีแล้วค่ะมันต้องกระตือรือร้นมันต้องมาช่วย เหลือมันต้องมารับผิดชอบแล้ววววววววววววววกับความเสี่ยงที่ทางโรงพยายามได้สร้างให้กับเรา แล้วท่านผู้บริหารท่านนี้ยังบอกอีกว่าโรงพยาบาลได้รับผิดชอบทางครอบครัวของแอน โดยการแจ้งว่าคุณหมอติดโควิด ตลกมากมันคือจรรยาบรรณไหมคะ????

โดยก่อนจากกันเค้าแจ้งว่าจะทำสรุปเป็นเอกสารมาให้ภายในวันเดียวกันหรือช้าสุดวันรุ่งขึ้น (11 ส.ค.) วันนี้ 12 ส.ค. เงียบทั้งวัน ซึ่งผ่านไป 2 วัน แอนต้องโทรไปถาม ( อีกแล้ว ได้รับคำตอบว่าวันนี้เป็นวันหยุดของผู้บริหารพรุ่งนี้จะรับตามให้ค่ะ เหลืออดจริง ๆ ไม่ ไหวแล้วค่ะ

ตลอดระยะเวลา 40 อาทิตย์กับอีก 4 วัน ที่ตั้งครรภ์แอนไม่ออกไปพบเจอผู้คน ใส่หน้ากากกับคนในครอบครัว
และระมัดระวังตัวเกิน 100% เหตุการณ์ครั้งนี้ทำเราเสียใจและเสียหายหลายเรื่องมากทั้งสภาพจิตใจทั้งความเป็นความตายของลูกที่ต้องเอามาเสี่ยง (7 วันแรกแอนร้องไห้ทุกวัน) การเสียงานเสียการของพี่นิกกี้ ครอบครัว พ่อแม่พี่น้องเราเป็นห่วงมากแม่ร้องไห้ อยากอุ้มหลานอยากเจอหลานแต่ไม่ได้เจอ 14 วันและยังห่วงความปลอดภัยของพวกแอน ทุกคนคงพอเข้าใจแอนว่า เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเพราะการไม่มีวิธีปฏิบัติที่ปลอดภัย อาจจะมองว่าเป็นความประมาทเลินเล่อ หรือไร้ซึ่งประสิทธิภาพไม่มีขั้นตอนในการทำงานอย่างจริงจังของโรงพยาบาลชั้นนำแห่งนี้ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ

สุดท้ายนี้แอนอยากให้ประสบการณ์ของแอนเป็นประโยชน์กับทุก ๆ คนที่อาจจะมีคน ในครอบครัว ญาติ
พี่น้องหรือ เพื่อน ที่กำลังจะมีน้องดูแลตัวเองให้ ปลอดภัยและป้องกันจากความเสี่ยงนะคะ ถามอะไรโรงพยาบาลได้ก่อนถามเลย ส่วนเคสของแอนก็จะสู้ต่อไปค่ะ

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย Annette T (@annette_t)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo