Entertainment

หนิง ปณิตา ยอมลดทิฐิ ถอนฟ้องคดีมือที่ 3 ลดค่าเสียหาย คู่กรณีโฮแตกคาศาลจนต้องปลอบ

หนิง ปณิตา ยอมลดทิฐิ ถอนจบคดีมือที่ 3 ลดค่าเสียหายเหลือ 3 ล้าน ผ่อนจ่าย 4 ปี โพสต์คลิปขอโทษ 1 ปี คู่กรณีโฮแตกคาศาลจนต้องปลอบ

หนิง ปณิตา ถอยสุดตัว ถอนฟ้องสาวคู่กรณีเพราะเห็นใจอีกฝ่ายในฐานะลูกผู้หญิง ยอมลดค่าเสียหายที่เรียกไป 10 ล้านเหลือแค่ 3 ล้าน พร้อมลงคลิปขอโทษผ่านโซเชียล ตอนนี้ยินดีให้เรียกนามสกุลเดิมได้เลย

1 หนิง ปณิตา ไกล่เกลี่ยลงตัว 3
หนิง ปณิตา

“จริง ๆ วันนี้เป็นวันสืบพยาน เมื่อเช้าทางศาลยังขอไกล่เกลี่ย ก็ไกล่เกลี่ยกันยาวนาน จริง ๆ หนิงมีธงในใจของหนิงอยู่แล้ว ถ้าได้ไกล่เกลี่ยตั้งแต่วันที่หนิงมารอ 2 วันมันก็อาจจะได้รู้เรื่องราวอะไรหลาย ๆ อย่างเร็วขึ้น เรื่องราวหลาย ๆ เรื่องที่รับฟัง ฟังแล้วก็รู้สึกเห็นใจ ในฐานะที่เป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน หนิงมีออปชั่นของหนิงอยู่แล้ว เวลาที่เรามีเรื่องมีราวถ้าเราสามารถที่จะพูดคุยไกล่เกลี่ยกันได้ มันก็ดี ไม่ต้องมีเรื่องราวยืดเยื้อ ถ้าเราพูดคุยกันไม่ได้ ไกล่เกลี่ยกันไม่ได้

หนิงก็จะมีธงของหนิงซึ่งศาลเองท่านก็เมตตาพิจารณา ว่าโอเคสิ่งที่เราสมควรจะต้องทำควรเป็นยังไง หรือทางคู่กรณีน้องเขาสมควรทำเป็นยังไง ให้พบเจอกันที่ตรงกลางดีที่สุด (ธงของเราคือความรู้สึกผิด รับผิดชอบ และค่าที่ต้องชดใช้?) ใช่ค่ะ รวมกัน ซึ่งวันนี้การไกล่เกลี่ยตกลงกันได้ ทางน้องก็ยินดีที่จะลงขอโทษหนิง เขาก็ได้ลงเรียบร้อยแล้ว มีข้อตกลงกันตามรายละเอียด”

“ทั้งหมดทั้งมวลเป็นกระบวนการที่ทางศาลท่านพิจารณา ศาลท่านจะพิจารณาว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร แล้วศาลท่านก็สอนหนิงนะ ท่านรู้ว่าต่อให้ใคนคนใดคนหนึ่งผิด เรายังไม่ต้องไปฟันว่าใครผิดหรือไม่ผิด แต่สิ่งที่เราทำแบบนี้คู่กรณีของเราทำได้แค่ไหน เอาให้มันพอเหมาะพอควรกับสิ่งเราต้องการ ความต้องการของเราอาจจะสูงกว่าที่คู่กรณีจะทำได้ ท่านก็จะให้เราลดเพดานความต้องการของเราลงมา ทางคู่กรณีก็ให้เพิ่มขึ้นมาหน่อย มาเจอกันตรงกลางให้ได้ ท่านก็น่ารัก

ถ้าถามหนิงเอาแบบจากใจที่เราไม่ต้องแอ๊บอะไร ถามว่าหนิงพอใจไหม อาจจะไม่ถึงที่สุดแต่ก็เป็นสิ่งที่หนิงรับได้ รู้สึกว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่เราสู้กับใคร ไม่สำคัญเท่าเราสู้กับทิฐิที่อยู่ในใจ การสู้กับสิ่งที่เป็นตัวเรา พอเราก้าวผ่านตรงนั้นไปได้ เราก็จะก้าวผ่านชีวิตไปได้อีกสเต็ปนึง คือเราไม่จำเป็นต้องได้ในสิ่งที่เราต้องการทุกอย่าง เปิดทางให้น้องเขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตต่อไป ไม่อยากให้ใครไปว่าอะไรเขาแล้ว

ตอนแรกคุยกันไว้ 4-5 ปี อันนี้หนิงก็ไม่ชัวร์ แต่น้องเขาขอหนิงแค่ 1 ปี เราก็โอเคที่ 1 ปีอย่างที่บอกว่าหนิงไม่ใช่คนยาก ถ้าหนิงยอมรับได้ถึงที่ว่าพยายามที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิด หนิงไม่ใช่คนคุยยาก แล้วขอหนิงดี ๆ ก็ไม่เป็นไร”

1 หนิง ปณิตา ไกล่เกลี่ยลงตัว 4
หนิง ปณิตา

“หนิงว่าน้องเขาน่าจะอธิบายได้แล้วส่วนหนึ่งในที่เขาทำ เราอย่าไปลงดีเทลอะไรให้มันเยอะแยะมากมาย หนิงว่ามันก็ชัดเจนว่า… หนิงก็ได้สอนน้องเขานะว่า ไม่เป็นไร จริง ๆ แล้ว มันผิดไปแล้ว ถ้าวันนี้เรายอมรับที่จะแก้ไขก็จะเปิดทางให้เขาได้มีโอกาสแก้ไขตัวเขา

หนิงผ่านอะไรมาเยอะมาก ณ ตอนนี้สิ่งที่หนิงพยายามที่จะทำให้มันดีที่สุด คือใช้สติ เอาเหตุและผลมานั่งคุยกันว่ามันเกิดสิ่งนี้เพราะอะไร ก็ไม่ได้โทษเขาซะทีเดียว ทั้งหมดถ้าฟังเหตุผลในบางเหตุผล มันก็สอนว่าบางครั้งถ้าเราลดทิฐิ คือลดเพดานตัวเราเองลง แล้วฟังเขาเยอะ ๆ บางทีเขาจะไม่ได้เป็นคนผิดเสียทั้งหมดเพียงแต่ว่า เขาก็ยอมรับว่าเขาเองก็พลาด ในช่วงต้นที่เจอกันหนิงเองก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่พูดตรงประมาณหนึ่ง จนเขาก็คงกลัวแต่ความตรงของหนิงมันก็คือความจริง ก็ยังดีที่ว่าเขายอมรับความตรงของหนิงได้เร็ว แล้วรีบพยายามคิดทุกอย่างมันถึงได้จบลงได้

สมมติถ้าหนิงพูดไปแล้วตรง ๆ หนิงต้องการความจริงใจในการขอโทษต้องการความสำนึกผิด ในการขอโทษ หนิงพูดตรงขนาดนี้แล้ว เขาไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้มันก็คงไกล่เกลี่ยลงได้ลำบาก แต่ก็ถือว่าเขาทำในส่วนของเขาได้ดีมาก”

“ความรู้สึกได้เจอครั้งแรก แอบมือสั่นเบา ๆ จะปฏิเสธว่าไม่โกรธไม่รู้สึกอะไรก็คงจะแอ๊บไปนิดนึง ยิ่งเรารู้สึกมากเท่าไหร่เราก็ต้องยิ่งหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็บอกตัวเองว่าสติ ๆ ต้องคุยกันด้วยเหตุและผล (ยอมรับว่าช่วงเช้าเราก็มีอารมณ์เหมือนกันตอนที่เจอหน้า?) กรณีที่ปรี๊ดขึ้น เราปิดด้วยตัวของเราเอง ไม่ได้ไปปิดอะไรใส่ใคร การพูดจาของหนิงก็เป็นการพูดแบบตรง ๆ

จริง ๆ ไม่ได้ตั้งธงมาว่าเราจะไม่ยอมอะไรเลย โอเคถ้าไกล่เกลี่ยกันได้เราก็จะยอมประมาณนี้ แต่ถ้าเข้าใจกันประมาณนึงก็จะยอมลงมาให้อีกประมาณนี้ หนิงก็มีเลเวลของหนิง แต่ว่ามันก็ไม่ได้ระดับตามที่เราพอใจหรอก แต่ในระดับที่เราไม่ได้พึงพอใจมันก็ไม่เป็นไร พอรับได้และก็เปิดทางคนเราถ้าทำผิด แล้วเรายอมรับ และเราแก้ไขมัน พวกเราก็ควรให้อภัยเขา มันทำยากมากนะ ตัวหนิงเองที่หนิงพูด ต่อสู้กับความรู้สึกในใจ แต่มันเป็นสิ่งที่ ณ วันนี้เราต้องทำ ถ้าเราไม่ทำสังคมมันก็เป็นแบบนี้ เรียกว่าวันนี้หนิงจบ หนิงให้อภัยค่ะ”

14 เอ็ม เมทิกา ขอโทษ หนิง ปณิตา 1

“ได้ฟังคลิปที่ออกมาขอโทษแล้วค่ะ เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าถึงเย็น โดยรายละเอียดหนิงทราบมากกว่าสิ่งที่เขาพูด ก็เห็นใจเขา อย่างที่หนิงพูด คนเราทำผิดก็ยอมรับเลยและแก้ไข เขาเองก็กลัว เขาไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาโพสต์ลงไปแล้ว จะมีฟิดแบ็กอะไรเกิดขึ้นกับเขา หนิงได้แต่พูดกับเขาว่านี่คือสิ่งที่เราเป็นคนทำ เราต้องยอมรับกับมัน จะแก้ไขมันใช่ไหม จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วใช่ไหม เขาบอกว่าใช่ก็แค่นั้นเอง

หนิงว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนที่ดูทีวีอยู่หรือพี่ ๆ ทุกคน ถ้าเขาแก้ไขมันก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ถ้าเขาแก้ไขได้แล้ว ถ้าเราไม่ชื่นชมแต่ไปซ้ำเติมเขาอยู่เรื่อย ๆ ถามว่าชีวิตเขาจะเป็นยังไง ชีวิตคนเรา ไม่มีใครไม่เคยทำผิด วันนี้คดีความก็จบ เพราะว่าหนิงก็บันทึกยอมความให้ สำหรับตัวเลข น้องก็รับผิดชอบในส่วนที่ น้องควรจะรับผิดชอบ ในระยะเวลา 4 ปี ค่อย ๆ ทยอยจ่าย ซึ่งตัวเลขไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ค่ะ”

“ตัวเลขไม่ใช่ตามที่ตั้งไว้ หนิงตั้งไว้ที่ 10 ล้านบาท แต่หนิงให้ที่ 3 ล้านบาท ผ่อน 4 ปี ลดเยอะก็อย่างที่หนิงบอกว่าไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจทุกอย่างหรอก ถามว่าตอนอยู่บัลลังก์หนิงก็แอบมีขัดใจเบา ๆ แต่เมื่อผู้ใหญ่สอน คำพูดที่ท่านสอนบนศาลเป็นคำพูดที่น่าฟังคำนึงตรงที่ว่า เราอาจจะตั้งเป้าไว้สูง เราก็จะต้องดูว่าน้องเขาทำได้แค่ไหน ถ้าเขามีความจริงใจที่เขาอยากจะทำให้ เราก็ต้องดูว่าเขาทำได้แค่ไหน แล้วเราสามรถลดลงมาได้อีกไหม มันก็แค่นั้น มันคือการเอาชนะใจ ทิฐิมานะของหนิงเองที่ก้าวผ่านมันได้ มันก็เป็นอีกบทเรียนนึงให้หนิงได้รู้สึกว่าก็แค่นี้แหละ”

“ก็จบ เพราะน้องเขาก็คุยกับหนิงว่าเขาไม่ได้มีความรู้อะไร เขาบอกเขากลัวหนิง เขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหน แล้วบางทีเขาก็ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย เขาฟังสิ่งที่ทนายพูดมาว่าอาจจะฟ้องคดีนั้น ถ้าพูดกันในแง่กฎหมาย เราเคยขึ้นศาลกันจะรู้อยู่แล้วว่าหมัดแลกหมัด จริง ๆ มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ส่วนคดีนั้น ถามว่าสิ่งที่หนิงเปิดหน้าเขามันผิดไหม หนิงเองก็ต้องยอมรับว่าตัวหนิงเองก็ผิด เราไม่สามารถจะเปิดเผยแพร่หน้าได้

แต่วันนั้นด้วยเหตุผลจริง ๆ มันแค่ด้วยเหตุผลเดียวว่าหลานหนิงโดนเรื่องการเข้าใจผิดในการเป็นภรรยาน้อย แล้วเรื่องแบบนี้กับเยาวชนที่เรียนอินเตอร์มันเซนซิทีฟพอสมควรมาก ๆ แล้วกับเด็กสมัยนี้มันมีปมไม่ได้ เราก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวจะไปเกิดอะไรขึ้นอีก หนิงเลยตัดสินใจทำสิ่งนั้นแค่นั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น จริงๆ คิดแค่ว่ารูปนี้มันก็ถูกอยู่ในโซเซียลอยู่แล้ว แค่ว่ามันถูกคาดตาไว้ หนิงไม่ได้ไปเอารูปอะไรที่นอกเหนือจากสิ่งที่มันมีอยู่ในโซเชียล หนิงคิดแค่นั้นเลย”

1 หนิง ปณิตา ไกล่เกลี่ยลงตัว 1
หนิง ปณิตา

“หนิงไม่มีเจตนาใด ๆ อะไรทั้งสิ้น อารมณ์เดียววันนั้นคือถ้าคนไม่ได้เป็นแม่คนแล้วลูกต้องเจอปัญหา เราจะไม่เข้าใจเลยว่ายังไง แล้วปัญหาของการเลี้ยงเด็กสมัยนี้ จริง ๆ มันหนักหน่วงพอสมควรเลยนะ การบูลลี่หรืออะไร เราก็เลยตัดสินใจถ้าปัญหามันเกิดขึ้นที่ครอบครัวเรา เป็นคนสร้างปัญหาให้ครอบครัวเพื่อน เราก็แก้ปัญหาซะแค่นั้นเลยจริง ๆ”

“จริง ๆ ถ้าย้อนกลับไป หนิงขออย่าใช้คำว่าศักดิ์ศรีเลยดีกว่า คือถ้าใช้คำว่าศักดิ์ศรีจะกลายเป็นว่าเราจะมีตัวตน จะมีอีโก้ ถูกไหม แต่สิ่งที่หนิงทำคือหนิงจะไม่ปะทะกับสิ่งที่เกิดปัญหาเอง มีกฎหมาย เราก็ใช้กฎหมายจัดการเรื่องเท่านั้น แล้วพอใช้กฎหมายจัดการ หนิงบอกเลยว่าวันนี้หนิงคิดไม่ผิด เพราะทุกอย่างจบออกมาได้ค่อนข้างสวยมาก ๆ สวยทั้งตัวหนิงเองและน้องเขาด้วยหลาย ๆ อย่าง แล้วสิ่งที่น้องเขาพูดหนิงว่าเขาพูดดีนะ ว่าในเรื่องของบทเรียนอะไรหลาย ๆ อย่าง บางทีเราก็อย่าเชื่อภาพที่มันเห็นกับสิ่งที่มันเป็น

(คำพูดน้องในคลิป จะมีคนฟังแล้วรู้สึกว่าเหมือนฝ่ายชายไม่รักษาคำพูด?) อันนี้ตอบยากจัง พอมันโยนกลับมาเป็นหนิงก็ตอบยากจัง อย่างที่บอกแหละว่าทุกปัญหา ทุกเรื่องราวถ้าเราทำตามสิ่งที่เราตกลง รักษาคำพูด แล้วเรามีความรับผิดชอบ ปัญหามันก็จะไม่เกิดขึ้นแค่นั้นเองเลยจริง ๆ”

“ตัวเขาก็ร้องไห้หนักมาก หนิงก็เดินไปตบไหล่เขา แล้วมันก็จะผ่านไป มันก็คือบทเรียนนึง ก็ปลอบเขาแล้วมันก็จะผ่านไป แค่เรารู้ว่าเราผิดจริง ๆ เราก็แก้ไข ไม่มีอะไรยากเลย ดูเหมือนฟังแล้วมันจะง่าย แต่จริง ๆ เวลาจะก้าวผ่าน แล้วเขาก้าวผ่านสิ่งนั้นได้ หนิงเชื่อว่าพอเขาหลุดจากวันนี้ พรุ่งนี้ต่อให้คนด่าเขา หนิงเชื่อว่ายังมีคนด่าน้องเขา แต่เชื่อว่าพรุ่งนี้เขาจะมีรอยยิ้มมากขึ้น เพราะมันไม่อยู่ในอกอีกแล้ว

การที่เดินไปกอดเขา มันคือความรู้สึกที่หนิงอยากทำสิ่งนั้น หนิงไม่ได้เสแสร้ง และมันก็ทำให้หนิงไปอีกสเต็ปหนึ่ง โตขึ้นอีกสเต็ป และอย่างที่หนิงบอก อย่าใช้คำว่ามันคือศักดิ์ศรี หนิงคิดว่าบางครั้งการแก้ปัญหาด้วยการสื่อสาร นี่คือการใช้เหตุผล เพราะว่าในความผิดของแต่ละอันมันย่อมมีเหตุผลของมันว่าผิดสิ่งนี้ด้วยอะไร และถ้าตัดอีโก้ออกไปได้เยอะ ๆ นี่หนิงก็ไม่ได้หมดนะ แต่ก็ถือว่าได้เยอะแล้ว ก็ค่อย ๆ ฝึกกันไป มันจะได้ไม่ฆ่ากันตาย ตีกันตายตามหน้าข่าวเยอะ ๆ แล้วหนิงเชื่อว่ากฎหมายของประเทศเราข้อนี้ ก็ต้องขอบคุณศาลมาก ๆ เป็นอันหนึ่งที่ทำให้เห็นหลาย ๆ ด้าน หลาย ๆ มุม หลาย ๆ มิติ”

1 หนิง ปณิตา ไกล่เกลี่ยลงตัว 2
หนิง ปณิตา

“ทำตัวยังไม่ถูก ไม่รู้จะทำตัวยังไง สำหรับหนิง หนิงโอเค จริง ๆ หนิงโอเคมาพักหนึ่งแล้วค่ะ ตั้งแต่เจอกันล่าสุด ได้พูดในสิ่งที่เก็บงำเอาไว้นาน ในสิ่งที่รับปากว่าจะไม่คุยไม่พูด หนิงก็ต้องคอยเลี่ยงนักข่าว หนีนักข่าว ก็คอยโกหกทุกคนบนความจริงที่รู้อยู่ว่ามันคืออะไร มันเป็นสิ่งที่ไม่สบายใจเลย เวลามีงานอีเวนต์ก็ไม่อยากไป ไม่อยากทำ ไม่อยากเจอ ไม่รู้จะยังไง กับนักข่าวหลาย ๆ คนเรารู้เราโตมาด้วยกัน เป็นพี่เป็นน้องกันมาไม่เคยปิดบัง ขออะไรเขาก็ช่วย ต้องมานั่งโกหกเขา แล้วมองหน้าเขาแล้วแบบ เรายังไม่ชอบให้ใครมาโกหกเลย แต่มันก็โล่ง พอได้พูดเสร็จก็เหมือนมันโล่ง”

“ในเอกสารยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพราะยังไม่มีเวลาไปทำเลย แต่เหตุการณ์ที่สิงคโปร์ หนิงได้ยืนยันนามสกุลนั้นบนเวที หนิงไม่คิดว่าเขาจะใช้นามสกุลนั้น พอขึ้นไป มันเป็นงานอินเตอร์ หนิงเตรียมที่จะไปพูดภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ แล้วพอเขาประกาศนามสกุลปุ๊บ ฟีลแรกคือน้ำตาจะไหล แต่ต้องขึ้นไปรับในฐานะนักธุรกิจ เราก็ต้องฮึบขึ้นไป พอไปถึงไม่รู้จะพูดอะไร ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เก่งมากมาย และอยู่ในพาร์ตธุรกิจตอนนั้นก็เลยแบบ พูดภาษาไทยเลยแล้วกัน เป็นครั้งแรกที่ได้ยินนามสกุลเดิมเรียกฉันหรือเปล่า ก็โอ้ โอเค เป็นการได้ยินที่ดูมีพลังดีนะ ไปรับรางวัลและพิสูจน์ตัวเองในอีกบทบาทหนึ่ง ก็รู้สึกดีใจกับ ณ ตรงนั้น บอกไม่ถูกว่ายังไง

ไม่ว่าจะนามสกุลไหน สุดท้ายหนิงก็ยังให้ความเคารพคุณพ่อคุณแม่เขาทุกอย่าง และยังรักครอบครัวเขาเหมือนเดิม หนิงก็เป็นหนิงแบบนี้แหละ มันเป็นองค์ประกอบที่เป็นส่วนข้างนอกมาก ๆ ที่มันไม่ได้สามารถทำให้ตัวตนของหนิงหายไป”

คลิปจาก วันบันเทิง oneบันเทิง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo