ปันปัน เต็มฟ้า เปิดใจเล่าจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต หลังสูญเสียคุณแม่ แหวน ฐิติมา ถึงขั้นต้องออกจากวงการบันเทิง
นักแสดง นักร้อง มากความสามารถ ปันปัน เต็มฟ้า ลูกสาวคนสวยของนักร้องผู้ล่วงลับ แหวน ฐิติมา ที่วันนี้จะขอเปิดใจรายการ คุยแซ่บShow เผยจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต ถึงขั้นต้องออกจากวงการบันเทิง รวมถึงการเปิดใจหลังสูญเสียครั้งใหญ่ คุณพ่อปุ๊ กรุงเกษม ไปอย่างไม่มีวันกลับ
- หมดรักกันทั้งคู่ ปันปัน เต็มฟ้า จบรัก 4 ปีไฮโซดัง ทายาทนักการเมือง ไร้โอกาสรีเทิร์น
- แอน เจอสาวท้าทายเกาะแกะแฟน อึ้งไม่เหมือนในละคร กลัวถึงจุดหนึ่งต้องปล่อยวาง
- อ.รินลดา ยื่นมือช่วยเหลือ บิ๊กเอ็ม โอนเงินให้ 2 แสน ระหว่างไม่มีงานในวงการ
เมื่อกลางปีที่ผ่านมาเพิ่งสูญเสียคุณพ่อไป ทำยังไงให้เราแข็งแกร่งขึ้นมาได้ ?
ปันปัน : ตอนที่เสียคุณแม่จะหนักมาก ตอนที่เสียคุณพ่อเหมือนเรามีการทำใจไว้แล้ว เหมือนเราเจอเหตุการณ์มาหนึ่งรอบแล้ว พอคุณพ่อมันจะรู้สึกใจหายมากกว่าว่าอาทิตย์ที่แล้วยังคุยกันอยู่เลย อยู่ดี ๆ วันหนึ่งเขาหายไปเลย แต่ว่าในเรื่องของการใช้ชีวิตหรือดูแลตัวเอง เราค่อนข้างเซ็ตมาแล้ว ตอนคุณแม่มันค่อนข้างฉุกละหุก แล้วเรายังเด็กมาก แต่รอบนี้รู้สึกว่าชีวิตคนเรามันก็สั้น ทำให้เรากลับมาคิดได้ว่าเราควรมีความสุขกับปัจจุบันดีที่สุด
เคสของคุณพ่อ หนูใช้เวลานานขนาดไหน ?
ปันปัน : เป็นหลักเดือนนะคะ จะไม่ได้นานจนเกินไป โชคดีมีทั้งเพื่อนที่ทำงาน คนรอบตัวเรา คนที่แกรมมี่ หรือว่าผู้ใหญ่ทุกคนให้กำลังใจดีมาก
มีความรู้สึกเคว้งบ้างไหม เพราะวันหนึ่งจากคุณแม่ที่สูญเสียไปแล้วมาเป็นคุณพ่อ พอไม่เหลือใครที่เป็นเสาหลักทั้งสองคน ความรู้สึก ?
ปันปัน : ตอนคุณแม่เรารู้สึกไปไม่ถูกเลย เหมือนตอนนั้นเราพึ่งคุณแม่เยอะ คุณแม่ทำให้ทุกอย่าง เรายังเด็กมากด้วย อายุประมาณ 22 ปี เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรเองสักเท่าไหร่ โอเคในการที่มาทำงานประจำ มาหาเส้นทางของตัวเอง ถือว่ายากมาก ทั้งคุณแม่ไม่อยู่ และในเรื่องความสามารถที่เราไม่มี ตอนนั้นเรามาสายไฟแนนซ์ใช่ไหม ประสบการณ์น้อยมาก สู้ตรงนั้นมันค่อนข้างยาก แต่เมื่อมันเริ่มเข้าที่แล้ว พอตอนคุณพ่อเราอาจจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ก็เลยจะง่ายขึ้น
ก่อนจากไปคุณพ่อได้สั่งเสียอะไรไหม ?
ปันปัน : คุณพ่ออยากให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คุณพ่อเป็นคนที่สบาย ๆ ชอบมีความสุข แฮปปี้ รักลูก เพราะฉะนั้นอยากให้ลูกทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุขที่สุด คุณพ่อไม่ได้มีเป้าหมายมาบังคับเราเยอะแยะ ว่าเราต้องประสบความสำเร็จที่สุดนู้นนี่นั่น แค่อยากให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะคุณพ่อช่วงหลัง ๆ ก็จะเห็นปันเริ่มทำงานมา แล้วงานเริ่มอยู่ตัว เขาก็เลยไม่ได้เป็นห่วงมาก
ระหว่างนั้นคุณพ่อก็รักษาตัวมาตลอด ?
ปันปัน : ใช่ค่ะ คุณพ่อเป็นโรคหัวใจมา 10 ปี มีการทำบอลลูน 2 รอบ แล้วทานยารักษามาเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าโรคหัวใจถ้าจะเป็นมันจะเป็นฉับพลัน แล้วจะเข้าโรงพยาบาลเลย แต่ถ้าช่วงที่ไม่ได้เป็นก็จะใช้ชีวิตได้ปกติ จะมีหอบบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย
เคยรู้สึกท้อ เสียใจไหม ที่ตอนนั้นคุณแม่จากไป แล้วคุณพ่อมาป่วยอีก ?
ปันปัน : ไม่นะคะ เรารู้สึกว่าเราเป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก ว่ามันมีคนลำบากกว่าเรา มันมีคนที่ไม่ได้มีโอกาสดี ๆ ที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่ส่งไปเรียน หรืองานในวงการบันเทิง หรืออะไรก็แล้วแต่ มันดีที่สุดแล้วเท่าที่มันจะเป็นไปได้ อย่างน้อยคุณแม่ก็ได้อยู่จนถึงเราเรียนจบไม่ได้จากไปเร็วกว่านี้ เราก็รู้สึกว่าแฮปปี้กับปัจจุบัน ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตเศร้าหรืออะไร
ณ วันนี้ท่านมาเข้าฝันหรือมีสัญญาณอะไรไหม ?
ปันปัน : มีช่วงแรกเลย คุณพ่อเหมือนเดินอยู่รอบ ๆ เราแล้วก็แฮปปี้ปกติในฝันนะคะ เหมือนแบบว่าไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ไม่ได้มาพูดอะไร แต่แนวให้ความมั่นใจทางใจว่าเราไม่ต้องเป็นห่วงเขา ส่วนคุณแม่ช่วงแรก ๆ มี แต่ช่วงหลัง ๆ น้อยลงแล้ว ปันอาจจะเป็นคนที่แบบไม่ได้ฝันบ่อย แต่ในใจเราก็ระลึกถึงเสมอ ว่าสิ่งที่เราทำทุกอย่าง ถ้าคุณแม่อยู่ คุณแม่จะแฮปปี้
ถ้าหนูคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ หนูจะทำยังไง ?
ปันปัน : มันก็จะมีร้องไห้บ้าง ช่วงแรก ๆ แน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าหนูจะเป็นแนวเน้นพัฒนาตัวเองมากขึ้น รักตัวเอง พอเราทำแบบนี้เราจะรู้สึกว่าคุณแม่น่าจะภูมิใจนะ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
คุณแม่จากไปมันทำให้เราเป็นโรคซึมเศร้าด้วยไหม ?
ปันปัน : เป็นค่ะ ช่วงแรก คือมันไม่ได้เป็นซึมเศร้าว่าเคมีในสมองไม่เท่ากัน แต่มันเป็นซึมเศร้าที่ว่าเจอเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมาก ๆ กระทบจิตใจ เลยเป็นเศร้าเรื้อรัง เหมือนมันเศร้าแล้วมันไม่หายสักที แล้วมันก็เศร้าอีก ๆ ผ่านเป็นเดือน ๆ แล้วมันก็ยังร้องไห้ ตื่นมาก็ร้องไห้ ก็เลยได้ไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็เปลี่ยนแนวคิดใหม่ ช่วงนั้นมันยาก เพราะคุณแม่หายไปด้วย แล้วเราต้องสู้ในเรื่องหน้าที่การงาน ซึ่งเราประสบการณ์ไม่มีด้วย คุณแม่ทำให้ทุกอย่าง พอคุณแม่หายไปนี่งานในวงการไปไม่ถูกเลย ฉันต้องตื่นตี 5 ขับรถไปเองเหรอ แล้วใครจะดูคิวให้ เราเลยโอเคไม่เป็นไร เราพักงานในวงการไปก่อนแล้วกัน เราเรียนจบเศรษฐศาสตร์มา เราก็ไปสายนั้นเลย
หลังจากที่คุณแม่เสียคือเหตุผลหนึ่งเลยเหรอ ที่ลาออกจากวงการบันเทิง ?
ปันปัน : ใช่ค่ะ เพราะว่าตอนที่ปันประสบความสำเร็จในวงการ เหมือนคุณแม่ซัพพอร์ตตลอด ทั้งดูคิว คุยกับผู้ใหญ่ ปันแทบเป็นเด็กที่ไม่ต้องทำอะไรเลย คุณแม่ดูแลตลอด พอจุดนี้มันหายไป เราก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน เราไม่รู้ว่าจะไปรับงานอะไร ยิ่งมาตึกก็ยิ่งคิดถึง มันเหมือนทำใจไม่ได้
แล้วสรุปการที่คุณแม่ปูทางทั้งหมดดีหรือไม่ดี ?
ปันปัน : หนูว่ามันจะทำให้ยากช่วงแรก มันมีข้อดี ข้อเสีย ก็คือว่าพอเลี้ยงลูกแบบนี้ช่วงแรกมันจะหนักเลย ลูกจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่สิ่งที่มันดีก็คือว่าคุณแม่จะะเป็นคนมีวินัย เพราะฉะนั้นเราจะความสามารถเยอะ แล้วความสามารถพวกนี้มันจะเอาไปใช้ได้ในช่วงหลัง
แสดงว่าเราได้อะไรมาจากคุณแม่เยอะมาก ?
ปันปัน : เยอะค่ะ
เขารักคุณแม่มาก ทำงานไม่ได้เลย เดินมาตึกแกรมมี่มันเห็นภาพ ?
ปันปัน : มันไม่ได้ มาตึกคือคุณแม่รู้จักทุกคน แล้วมันเคว้งเหมือนไม่รู้จะทำงานอะไร เพลงคุณแม่ก็ฟังไม่ได้ไปเป็นปีเลย มันไม่ใช่แค่เพลงคุณแม่ เพลงฝรั่งต่าง ๆ ที่คุณแม่ร้องเมื่อก่อน ก็ฟังไม่ได้ ก็เลยแบบงั้นเปลี่ยนภาพชีวิตของเราไปเลยแล้วกัน ไปทำอย่างอื่นเลย ไปทำในสิ่งที่มันแปลกใหม่
ใช้เวลานานไหมกว่าจะเปลี่ยนมาเป็นแบบทุกวันนี้ ?
ปันปัน : ผ่านมา 5-6 ปีแล้ว ตอนนี้กลับมาฟังเพลงได้แล้ว
มีครั้งหนึ่งที่คุณแม่งอนเรื่องการลงรูปคู่คืออะไร ?
ปันปัน : เขาให้ความสำคัญกับเรามาก เพราะฉะนั้นเขาก็อยากได้ความรักตอบแทนจากเรา เช่น การลงรูป แบบเหมือนแฟนงอน นี่ลงรูปแต่กับเพื่อนในไอจีไม่มีแม่เลยนะ นี่แม่ลงรูปเราเยอะมาก ไม่เคยแท็กแม่เลยนะ นี่เลื่อนไปหลายแถวแล้วนะ ปันบอกอ้าว…เหรอ ก็มันไม่มีคอนเทนต์ ก็จะงอน ๆ อะไรแบบนี้ พอคุณแม่งอน เราก็เออลงก็ได้ ก็ลงรูปนึง
แต่เห็นว่ามีงอนคุณแม่ถึงขั้นบ้านเกือบแตกเลย เรื่องอะไร ?
ปันปัน : ก็ช่วงเริ่มมีแฟนคนแรก แล้วเหมือนคบกัน 3 คน คุณแม่คบด้วย พอปันหลับเขาก็เข้าไปดูว่าคุยอะไรกันบ้าง แล้วปันชอบคนนี้มาก ก็เลยบอกว่าจะดูไปถึงไหน บางทีคุยกันก็ไม่อยากให้แม่เห็น ปันก็แบบโมโหมาก ทะเลาะกันแบบบ้านแตก บอกแม่จะทำตัวแบบนี้ไม่ได้ หนูโตแล้วนะ แต่ก็เข้าใจแหละ ตอนนั้นหนูอายุ 16-17 เสร็จแล้วแม่ก็ดื้อเงียบไง เดี๋ยวก็มีแว๊บ ๆ ดูอีก แต่ก็เข้าใจว่าคุณแม่เป็นห่วง
แต่ก็ไม่ได้ห้ามถูกไหม ?
ปันปัน : ไม่ได้ห้ามค่ะ แต่ก็กังวล เพราะแม่หัวโบราณไม่อยากให้ไปไหน 2 ต่อ 2 กลัวลูกเสีย ส่วนคุณพ่อจะเป็นคนที่ห้ามแบบอะไรใหญ่ ๆ เช่น อย่าเข้าห้องเขา 2 คนนะ คนพ่อกับคุณแม่คนละสไตล์เลย คุณพ่อจะชิล ๆ เฮฮา คุณแม่จะเคี่ยวเข็ญทุกอย่างทุกเป็นระเบียบ ส่วนใหญ่ตอนเด็ก ๆ ด้วยความที่แม่ชอบบังคับ หนูก็เลยดูเหมือนจะรักพ่อมากกว่า ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ หนูแบบพ่อ ไม่อยากเรียนอะ หนูจะมีความสุขมากทุกครั้งที่แม่ไปทำงานต่างจังหวัด แล้วพ่อไปรับไม่เคยได้เล่นกีฬาเลย กลับบ้านตลอด ตอนเด็ก ๆ เราก็จะติดคุณพ่อเป็นพิเศษ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ดีเจดังหลุดโป๊ะ เล่าเคยถูกผู้ชายแบล็กเมล์ ช็อตฟีลข่าวอดีตนางเอก จ. อาจปั่นกระแส
- เปิดห้องพักฟื้น ไอซ์ อภิษฎา หลังคลอดลูกสาว น้องเลอา ที่ภูเก็ต ฟู่ฟ่าสมฐานะ
- หายไปนาน แอนดริว เกร้กสัน ล่าสุด เจออีกทีทรงอย่างแบด ถามไปต่อหรือโกนออก