Lifestyle

‘อ.ปิติ’ เตือนคังคุไบฟีเวอร์ แห่ใส่สาหรีขาว ป้าย bindi สีแดง สร้างภาพหญิงไทยเชิงค้าบริการ

“รศ.ดร.ปิติ” หวั่นกระแสคังคุไบ ทำสาวไทยแห่ทำตาม โพสต์ท่าเชิญชวนซื้อบริการ สร้างภาพจำผิด ๆ กับหญิงไทย

รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Piti Srisangnam ถึงการที่สาวไทยทั้งคนธรรมดาและคนมีชื่อเสียงแห่เลียนแบบ คังคุไบ สร้างภาพจำผิด ๆ เชิงค้าบริการ โดยระบุว่า

Gangubai Kathiawadi11

 

จากกระแส #คังคุไบ ด้วยความห่วงกังวล

#GangubaiKathiawadi คือภาพยนตร์ที่จุดประกายให้หลาย ๆ คน เริ่มต้นดูภาพยนตร์อินเดีย หรือ หนัง #Bollywood ซึ่งถือเป็นเรื่องดี ที่พวกเราชาวไทยจะได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าใจชาวอินเดียให้มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้กับพวกเราชาวไทยอีกมากมาย

เพราะเราจะเข้าใจมิติสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ รูปแบบชีวิต ของคนอินเดียที่เป็นจริงมากขึ้น และลบภาพจำเดิมๆ ประเภท ยากจน สกปรก ตัวเหม็น ขี้โกงออกไปได้ และมองเห็นโอกาสค้าขาย ลงทุน เรียน ทำงาน ทำมาหากิน

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ปรัชญาสำคัญของการสร้างหนัง Bollywood คือ ภาพยนตร์คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ชาวอินเดียได้หลีกลี้ออกไปจากโลกความเป็นจริงอันโหดร้าย เข้าสู่โลกแห่งภาพยนตร์

ปิติ ศรีแสงนาม
รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม

และนี่คือ หน้าที่ความรับผิดชอบทางสังคม (Social Responsibility) ของผู้กำกับ ในการที่จะต้องสร้างหนังให้สามารถเติมเต็มความสุขให้กับผู้ชมอย่างเต็มอิ่ม ทุกคนคาดหวังที่จะเดินออกจากโรงหนังด้วยความสุข และนั่นทำให้หนัง Bollywood เกือบทั้งหมดจบลงแบบ Happy Ending

หนังอินเดียจะไม่มีวันจบแบบ Avengers Infinity War ที่จบแบบหดหู่ ค้างเติ่ง คนหายไปครึ่งจักรวาล และคนดูห่อเหี่ยว ค้างคาใจ กลับไปบ้าน

#คังคุบาอี ก็เช่นกัน ภาพยนตร์ต้องทำให้เรื่องมีสีสัน มี drama หลายๆ ประเด็นถูก romanticized จบแบบปลดปล่อยอารมณ์ ข้อความที่ทำให้คิด และการผลิต production ที่สวยงามยิ่งใหญ่ รวมทั้ง Easter eggs ด้านสังคมวัฒนธรรมจำนวนมาก ที่ผู้กำกับ Sanjay Leela Bhansali สอดแทรกเอาไว้

เหล่านี้ อาจจะทำให้พวกเราลืมไปว่า คังคุไบ คือ แม่เล้า ทำมาหากินโดยการค้ามนุษย์ และควบคุมองค์กรอาชญากรรมใต้ดินของย่านหนึ่งในมหานครมุมไบ เธอไม่ใช่นักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี และไม่ได้เป็นวีรสตรีในชีวิตจริง แบบในหนัง

ในอินเดียภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายในปี 2021 แน่นอนว่าเป็นภาพยนตร์ที่กระแสตอบรับดี แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดเกิดกระแสฟีเวอร์ในอินเดีย เหมือนในประเทศไทย คนอินเดียดูหนังแล้วก็รู้จักเธอมากยิ่งขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ลบภาพออกไปได้ว่าเธอคือ โสเภณี

Gangubai Kathiawadi2

และสิ่งที่ผมห่วงกังวลมากที่สุดก็คือ ชั่วโมงนี้ในประเทศไทย ทั้งบุคคลธรรมดา บุคคลมีชื่อเสียง ต่างก็ออกมาใส่ส่าหรีสีขาว แตะ bindi สีแดงขนาดใหญ่กลางหน้าผาก

ที่สำคัญคือออกมา post ท่าทางแบบเธอในการเชิญชวนลูกค้า ลงในสื่อ online มากมายเต็มไปหมด

ในอินเดียคนที่ใส่ส่าหรีขาว ที่มีนัยถึงความบริสุทธิ์มีอยู่ 3 กลุ่ม คือ นักการเมือง หญิงหม้ายที่รักษาพรหมจรรย์ และคนที่มีประวัติไม่ค่อยดี โดยนักการเมืองจะใช้ส่าหรีสีขาว ที่มีคลิบแถบสีประจำพรรคการเมือง ในขณะที่คนที่มีประวัติไม่ค่อยดี จะนิยมสีขาวบริสุทธิ์

ในขณะที่ท่าทางยกแขนชูหนึ่งข้าง อีกข้างกวักมือเชิญชวนลูกค้า และยืนแอ่น ยกขาเอียง point เท้า คือท่าเชิญชวนเรียกลูกค้าของหญิงโสเภณีที่มีบรรยายในคัมภีร์ กามสูตร อายุกว่าพันปี

Gangubai Kathiawadi 1

ดังนั้น หากกระแสยังเกิดต่อไป และกลับกลายเป็นว่าคนไทยที่ไปเที่ยวอินเดีย ซึ่งขณะนี้เขาเปิดประเทศให้ไปท่องเที่ยวได้แล้ว แล้วพวกเราก็ด้วยความสนุก และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็จัดหาชุดส่าหรีสีขาวบริสุทธิ์ ไปยืนถ่ายภาพตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน ด้วยท่าทางดังกล่าว

ลองนึกดูนะครับ ว่าคนอินเดียที่พบเห็นแล้วเขาไม่รู้หรอกว่า นี่คือกระแสฟีเวอร์จากภาพยนตร์ แต่พวกเขาเข้าใจสัญญะเหล่านี้ในแบบที่มันเป็นจริง คือการเชิญชวนให้ซื้อบริการ อะไรจะเกิดขึ้น

ต้องอย่าลืมนะครับว่า ในอดีตภาพจำของสตรีเอเชียหลาย ๆ ประเทศก็มีภาพจำจากคนต่างชาติเรื่องการค้าบริการอยู่แล้ว

ผมไม่อยากให้ภาพเหล่านี้บนสื่อออนไลน์ หรือในสถานการณ์จริง ๆ ในสถานที่ท่องเที่ยว ยิ่งทำให้เกิดการตอกย้ำซ้ำทวนภาพจำที่เลวร้ายแบบนั้นลงไปอีก

ดังนั้นเราต้องรู้เท่าทันในสื่อที่เราเสพให้มากกว่านี้ครับ อย่าผิวเผิน สนุกคะนอง จนเกิดภาพจำผิด ๆ กับหญิงไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo