“วันโรคเขตร้อนที่ถูกละเลย” เป็นวันสำคัญของโลกอีกวันหนึ่ง โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเขตร้อนและได้รับผลกระทบจากโรคเหล่านี้โดยตรง ซึ่ง “ไข้เลือดออก” เป็นเป้าหมายแรกที่ประเทศไทยจะทำให้สำเร็จในการดูแลโรคกลุ่มนี้
วันโรคเขตร้อนที่ถูกละเลย หรือ World Neglected Tropical Disease เรียกสั้น ๆ ว่า World NTD Day เป็นความพยายามของภาคสาธารณสุขทั่วโลก ที่จะรณรงค์สร้างความตระหนักถึงโรคในเขตร้อนที่คุกคามสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคน รวมถึงเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
โรคในกลุ่มนี้ที่คุ้นหูคนไทยมากที่สุด ได้แก่ ไข้เลือดออก ที่มียุงลายเป็นพาหะ ไข้มาลาเรีย โรคเท้าช้าง โรคเรื้อน และพยาธิต่าง ๆ สำหรับประเทศไทย 3 โรคที่สำคัญ ได้แก่ ไข้เลือดออก มาลาเรีย และวัณโรค
แพทย์หญิงดารินทร์ อารีย์โชคชัย รองผู้อำนวยการกองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การตั้งชื่อ โรคเขตร้อนที่ถูกละเลย เพราะโรคเหล่านี้พบในประเทศเขตร้อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่กำลังพัฒนา
โรคเหล่านี้จึงมักไม่พบในประเทศตะวันตกหรือประเทศที่พัฒนาแล้วและไม่ได้รับความสนใจมากนัก ทำให้การพัฒนายารักษาโรคเหล่านี้มีน้อยและเป็นไปได้ช้า และคนในเขตร้อนเองก็อยู่กับโรคเหล่านี้จนชิน และไม่ได้ตระหนักว่าโรคเหล่านี้คือภัยคุกคามสุขภาพ”
โรค NTD ที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย คือ ไข้เลือดออก ซึ่งพบในทุกจังหวัด มียุงลายเป็นพาหะ และมีการรายงานผู้ป่วยปีละ 70,000-150,000 คนต่อปี อัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกอยู่ที่ 1 คนต่อผู้ป่วย 1,000 คน หรือมีคนเสียชีวิตจากไข้เลือดออกเฉลี่ย 70-80 คน ในแต่ละปี
สิ่งที่น่ากลัวคือ โรคไข้เลือดออก ยังไม่มียารักษา ต้องรักษากันไปตามอาการเท่านั้น และกลุ่มที่มีอัตราการป่วยสูงสุดคือเด็กวัยเรียนอายุระหว่าง 5-14 ปี รองลงมาคือกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-24 ปี แต่เป็นกลุ่มที่เสียชีวิตมากขึ้นด้วยเพราะกลุ่มนี้มักจะทนเป็นไข้ไปก่อน เมื่ออาการหนักจึงค่อยมาหาหมอ
ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคไข้เลือดออก เป็นโรคกลุ่ม NTD ที่สำคัญมาก เพราะคนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อมีอาการไม่มาก หลายคนไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อจากยุงลายที่กัดคนเหล่านี้แล้วสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้อีกมากมาย
ลำหรับคนที่มีอาการจะมีความรุนแรงต่างกัน ตั้งแต่อาการน้อย มีไข้ ไปจนถึงขั้นอวัยวะบางส่วนถูกทำลาย และเสียชีวิตได้
เวลาที่เชื้อไข้เลือดออกเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายเราจะมีกระบวนการกำจัดเชื้อ แต่กระบวนการนี้จะทำให้ร่างกายเกิดการปฏิกิริยารุนแรงจนช็อก หรือมีอักเสบในอวัยวะต่าง ๆ ได้ หลายคนช็อค อวัยวะล้มเหลว และเสียชีวิต ยิ่งใครแข็งแรง ภูมิต้านทานดี มักมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการรุนแรง
อาการของโรคไข้เลือดออกมีตั้งแต่ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว หน้าแดง คลื่นไส้อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้ ปวดท้องหนัก ถ้าอาการหนักมากอาจจะมีเลือดออกง่าย ถ่ายดำ ช็อคหรือมีเหงื่อออกมากตัวเย็น อวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว
การต่อสู้กับไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการพยายามอย่าให้ยุงกัด โดยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ยุงลายชอบน้ำขัง น้ำนิ่ง ขนาดหยดน้ำในกาบใบไม้ยังวางไข่ได้ ดังนั้น จึงมักพบแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในเมือง เช่น ตามจานรองกระถางต้นไม้ อ่างเก็บน้ำในห้องน้ำ กล่องหรือกระป๋องที่ทิ้งไว้แล้วมีน้ำขัง
2 ปีที่ผ่านมา การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้การรายงานผู้ป่วยไข้เลือดออกลดลง เพราะการที่คนไม่รวมอยู่ในที่เดียวกันเป็นจำนวนมาก ทำให้การแพร่ของโรคลดลง คนอยู่บ้านมากขึ้น ขยะในที่ชุมชนลดลง คนดูแลบ้านมากขึ้น แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายลดลง
แต่ในปีนี้ คาดว่าอาจพบการติดเชื้อสูงขึ้นถึง 95,000 ราย เพราะมีการผ่อนคลายมาตรการหลาย ๆ อย่างเรื่องการเดินทาง การกลับไปโรงเรียนบ้าง เรียนที่บ้านบ้างสลับกันไป ทำให้การดูแลแหล่งน้ำในโรงเรียนหรือในชุมชนไม่สม่ำเสมอ เปิดโอกาสให้ยุงลายวางไข่ได้มากขึ้น
ล่าสุด องค์กรภาครัฐและเอกชน 11 แห่งร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก Dengue-Zero เพื่อร่วมมือในการนำพาประเทศไทยสู่สังคมปลอดไข้เลือดออก
สำหรับองค์กรพันธมิตรทั้ง 11 แห่งที่ร่วมลงนามในครั้งนี้ ได้แก่
- แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
- กรุงเทพมหานคร
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
- สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
- สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย
- สมาคมโรงพยาบาลเอกชน
- สมาคมนักบริหารโรงพยาบาลแห่งประเทศไทย
- บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สาธารณสุข’ เตือน!! ฤดูฝนแบบนี้ระวัง ‘ไข้เลือดออก’
- ‘ไข้เลือดออก’ กลับมาอีกครั้ง! ‘ลาว’ เตือนประชาชนรับมือการระบาด
- ‘ไข้เลือดออกระบาด’ อีสานหนักสุด ป่วยทั่วประเทศ 25,708 ราย เสียชีวิต 15 ราย