Lifestyle

ศตพัฒน์ เล่าความสำเร็จ อายุ 18 จบปริญญาตรี 20 เป็นเนติบัณฑิต

ศตพัฒน์ แขกเพ็ง  หรือ ตวง  กลายเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง จนทำให้เขากลายเป็นคนดังในเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน หลังจากที่มีการเปิดเผยออกมาว่า  ชายหนุ่มที่สอบผู้ช่วยผู้พิพากษา รุ่น 73 ได้อันดับ 1 จนสามารถขึ้นนั่งบัลลังก์ผู้ช่วยผู้พิพากษาได้ในวัย 25 ปีรายนี้  สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแห่ง ในขณะที่อายุเพียง 18 ปีเท่านั้น และสอบเป็นเนติบัณฑิตได้ ตั้งแต่อายุ 20 ปี 

เฟซบุ๊กเพจ  PR Ramkhamhaeng University  เปิดเผยถึงประวัติของ “ศตพัฒน์” ไว้ว่า เป็นบัณฑิต Pre-degree คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นการเรียนในรูปแบบเก็บหน่วยกิต เพื่อสะสมไว้เทียบโอน ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม นนทบุรี  สะสมหน่วยกิตได้จำนวน 120 หน่วยกิต

ศตพัฒน์

จากนั้นเทียบโอนมาเรียนชั้นปริญญาตรี อีกเพียง 1 ภาคการศึกษา ก็เรียนจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ ตั้งแต่อายุ 18 ปี และจบเนติบัณฑิตยสภา ตั้งแต่อายุ 20 ปี ได้อันดับที่ 3 ของประเทศ

“ศตพัฒน์” สามารถสอบข้อเขียนความรู้ชั้นเนติบัณฑิต ภาคหนึ่ง สมัยที่ 67 ปีการศึกษา 2557 ได้คะแนนรวมกลุ่มกฎหมายอาญา และกลุ่มกฎหมายแพ่งและพาณิชย์สูงสุด คือ 150 คะแนน จากจำนวนผู้สอบได้ทั้งสองกลุ่มวิชา 407 คน

ล่าสุด ล่าสุดหลังจากอายุครบ 25 ปี ตามระเบียบฯ คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ได้เข้าสอบสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา รุ่น 73 สามารถสอบติดผู้ช่วยผู้พิพากษา และมีคะแนนสูงเป็นอันดับที่ 1 จากจำนวน 171 ราย

ศตพัฒน์ กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งล่าสุดของเขาว่า ดีใจ และภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ลงสนามสอบผู้ช่วยผู้พิพากษาครั้งแรก สามารถสอบผ่าน และได้คะแนนเป็นอันดับที่ 1 ด้วย จากนี้จะตั้งใจเรียนรู้ ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิพากษาที่ดี โดยใช้ความรู้ควบคู่กับคุณธรรม จะไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว หมั่นฝึกฝนและแสวงหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

นอกจากนี้ ยังขอบคุณไปถึงมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่เปิดโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้เรียนในระบบ Pre-degree ซึ่งเป็นการเรียนเพื่อสะสมหน่วยกิตล่วงหน้า เมื่อเรียนจบในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็จะสามารถเทียบโอนหน่วยกิตที่สะสมเอาไว้ไปเรียนในภาคปกติของมหาวิทยาลัย ถือเป็นหลักสูตรที่เปิดประตูสู่การเรียนสายนิติศาสตร์ของตัวเอง จนทำให้สามารถต่อยอดไปสู่การเรียนในระดับที่สูงขึ้นได้เร็วกว่าเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เร็วขึ้นด้วย

เจ้าตัวยังได้เปิดเผยเคล็ดลับแบ่งปันคนที่มีฝันด้วยว่า

“การที่เราจะทำสิ่งใดได้ดีนั้น จะต้องมีใจรัก และอยากจะทำสิ่งนั้นจริงๆ การเรียนกฎหมายก็เช่นกัน ต้องเริ่มจากความรู้สึกอยากจะเรียนจริงๆ ไม่ใช่เพราะถูกบังคับหรือเพราะไม่รู้จะเรียนอะไร แต่แน่นอนครับ น้อยคนมากที่เข้ามาเรียนเพราะความรู้สึกแบบนี้แต่แรก ดังนั้น เราควรจะสร้างความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาให้ได้ โดยอาจจะหาแรงบันดาลใจจากใครสักคน หรือเพื่อเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ว่าอยากจะเป็น”

ศตพัฒน์

ศตพัฒน์ บอกว่า เมื่อใจมาแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่มีต่อมาคือ ความขยัน วิชากฎหมาย เป็นวิชาที่ต้องอาศัยความขยันเข้าช่วย เพราะสำหรับวิชากฎหมายนี้ ไม่มีคนเก่งมีแต่คนขยัน ไม่มีคนโง่ มีแต่คนขี้เกียจ แต่บางทีความขยัน ก็ควรเป็นการขยันให้ถูกที่ถูกทางด้วย เพื่อไม่ให้ความขยันนั้นสูญเปล่า

เรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในวันนี้ ก็คือ “การแบ่งเวลา” ซึ่งศตพัฒน์ บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด สำหรับตัวเอง เพราะต้องเรียนควบคู่กันไป ระหว่างการเรียนในชั้นมัธยมปลาย  กับ Pre -degree การแบ่งเวลา จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เขาเริ่มวางแผน จากการลงทะเบียนเรียน โดยจะลงเท่าที่คิดว่า ตัวเองจะพอสอบไหว ต้องดูวันสอบให้ห่างกัน เพื่อจะได้มีเวลาพอ ที่จะทบทวน พอลงทะเบียนเสร็จแล้ว ก็จะไปหาซื้อหนังสือทุกวิชา เพราะไม่ได้มีโอกาส เข้าฟังคำบรรยาย จึงต้องซื้อหนังสือทั้งหมด กลับไปอ่านเอง โดยหลักจะเป็นตำราของอาจารย์  เสริมด้วยชีทสรุป และข้อสอบเก่าหน้าราม

พอได้หนังสือกลับมาครบ ก็จะแบ่งเวลาอ่านหนังสือ  โดยจะอ่านทุกวันวันละ 1 ชั่วโมง แต่เป็น 1 ชั่วโมง ที่อ่านแบบเข้าใจ เวลาอ่านหนังสือ จะอ่านได้นานเท่าไหน ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่า จะได้อะไรจากการอ่าน ในครั้งนั้นๆ บ้าง

แต่ที่สำคัญต้องสร้างนิสัยของการรักการอ่านขึ้นมา โดยจะต้องอ่านหนังสือทุกวัน และควรจะโน้ตย่อไปด้วยในทุก ๆ ครั้งที่อ่าน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo