เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง สัญญาณเตือนโรคร้ายจากค่าสุขภาพ ตรวจสุขภาพอยู่เสมอ ป้องกันและรู้ทันโรคร้าย
การตรวจร่างกายโดยที่ยังไม่มีความผิดปกติใดๆ หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ถือเป็นการค้นหาโรคที่อาจแฝงอยู่โดยยังไม่ปรากฎอาการผิดปกติ ช่วยให้ตรวจพบแนวโน้มการเกิดโรคหรือโรคในระยะเริ่มต้น ส่งผลให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรค รวมถึงช่วยลดความรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้หากพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
ทั้งนี้ การดูแลร่างกายทั้งการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างถูกต้องเหมาะสม รวมไปถึงการดูแลทางด้านจิตใจและการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
จะเห็นได้ว่า การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่การมีสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ ครบทั้งการป้องกันและดูแลรักษา เป็นประโยขน์ต่อตัวคุณและครอบครัวอย่างมาก
โรคเบาหวาน
ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคเบาหวานกันมากขึ้น และพบว่าผู้ป่วยเบาหวานมีอายุน้อยลง โดยผลการสำรวจข้อมูลคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานมากถึง 9.5% โดย 2 ใน 3 ของผู้ป่วยเท่านั้นที่ทราบว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน ส่วนที่เหลือ 1 ใน 3 นั้นไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างถูกวิธี
โรคเบาหวานถือว่าเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย เป็นโรคที่อาจไม่แสดงอาการใดๆ ต้องทำการวินิจฉัยด้วยการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือดจึงจะทราบว่าเป็นโรคเบาหวาน ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่นั้นมักตรวจพบว่าเป็นโรคเบาหวานจากการตรวจสุขภาพประจำปี
เกณฑ์การวินิจฉัยเบาหวานมีหลายวิธี เช่น การวัดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ซึ่งค่าปกติของระดับน้ำตาลควรน้อยกว่า 100 มก./ดล. หากมากกว่า 126 มก./ดล. ถือว่าเป็นเบาหวาน อย่างไรก็ตาม หากระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 100-125 มก./ดล. ถือว่ามีความเสี่ยง หรือเรียกว่าเป็นภาวะเบาหวานแฝงเท่านั้น
นอกจากนี้ สามารถตรวจฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (Hemoglobin A1C – HbA1C) ซึ่งเป็นการตรวจระดับน้ำตาลสะสมในเลือดตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้เช่นกัน โดยค่าปกติ HbA1C น้อยกว่า 5.7 mg% หากพบค่า HbA1C อยู่ในช่วง 5.7 mg% ถึง 6.4 mg% ถือว่าเสี่ยงเป็นเบาหวาน และเป็นผู้ป่วยเบาหวานเมื่อมีค่า HbA1C มากกว่าหรือเท่ากับ 6.5 mg%
โรคความดันโลหิตสูง
โรคนี้เป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลและใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากสามารถส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามมาได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ทั้งนี้ ค่าความดันโลหิตของคนปกตินั้นอยู่ที่ 120/80 มิลลิเมตรปรอท ค่าความดันโลหิตที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง คือ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป
ความน่ากลัวของโรคความดันโลหิตสูง คือ ผู้ป่วยมากกว่า 90-95 เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจนของโรคได้ พบเพียงปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุที่มากขึ้น การมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน อาหารที่รับประทานเป็นประจำ หรือแม้แต่พันธุกรรม นอกจากนี้ ยังมักไม่แสดงอาการ แต่เบื้องหลังนั้นได้สร้างความเสียหายต่อหลอดเลือดและหัวใจอย่างมาก ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพเรื้อรังอื่นๆ ที่อาจตามมาได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
โรคไขมันในเลือดสูง
ระดับไขมันในเลือดมีความสำคัญต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง ตีบ และอุดตัน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจโดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนั้นผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงยังมีโอกาสเป็นโรคสมองขาดเลือด ส่งผลให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตตามมา หรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้
โดยระดับคอเลสเตอรอลปกติที่ยอมรับได้ คือ ไม่เกิน 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ส่วนไตรกลีเซอไรด์ ควรน้อยกว่า 150 มก./ดล. รวมถึงไขมันชนิดดี (HDL) ควรมีค่ามากกว่า 60 มก./ดล. และไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ควรมีค่าน้อยกว่า 130 มก./ดล.
โรคหัวใจ
โรคหัวใจนั้น เป็นโรคที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ อาจเป็นในส่วนของหลอดเลือดหัวใจ ลิ้นหัวใจ โรคหัวใจแต่กำเนิด หรือโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น มีปัจจัยเสี่ยงมาจากอายุที่มากขึ้น เพศ พันธุกรรม โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง มีภาวะอ้วน หรือชอบรับประทานอาหารไขมันสูง ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่เต็มอิ่ม เหนื่อยง่าย คลื่นไส้
ทั้งนี้ เนื่องจากโรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของทั้งเพศชายและเพศหญิง การตรวจหัวใจในรูปแบบต่างๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ชำนาญการด้านหัวใจ จะช่วยทำนายความเสี่ยงของโอกาสเกิดโรคหัวใจ เพื่อรู้เท่าทันและป้องกันโรคหัวใจได้ตั้งแต่เริ่มต้น เช่น การตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ หากได้ค่าการตรวจตั้งแต่ 400 ขึ้นไป ก็บ่งบอกว่าอาจมีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบแฝงอยู่ เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้
รวมไปถึงการดูแลทางด้านต่างๆ เช่น อาหาร การออกกำลังกาย ก็มีผลต่อสุขภาพและมีข้อห้าม/ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจด้วยเช่นกัน
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
ค่าความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองมากที่สุด การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และไขมันในเลือด เป็นการตรวจเบื้องต้นเพื่อประกอบการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมอง หากพบข้อบ่งชี้ภาวะหลอดเลือดสมอง อาจต้องมีการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ตรวจค่าการอักเสบของหลอดเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram) ว่ามีจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติหรือไม่ ตรวจการไหลเวียนเลือดของหลอดเลือดแดงในสมอง (Transcranial Doppler Ultrasound) และตรวจหลอดเลือดแดงบริเวณคอที่ไปเลี้ยงสมองด้วยคลื่นความถี่สูง (Carotid Duplex Ultrasound)
ทั้งนี้ การตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองด้วยวิธีต่างๆ จะช่วยชี้ตำแหน่งหลอดเลือดสมองผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงหาความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ก่อนเกิดอาการ
ตรวจสุขภาพช่วยให้ค้นพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
แม้การตรวจสุขภาพ จะไม่ได้เป็นการรับประกันว่าผู้ตรวจจะปลอดจากโรคต่างๆ แต่การตรวจสุขภาพในกรณีที่ยังไม่มีอาการ จะช่วยให้ค้นพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
อีกทั้งหากเสริมด้วยการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงและอาหารรสจัด ออกกำลังกายเป็นประจำ ลดความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น
รวมถึงพบแพทย์เพื่อปรึกษาการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่สามารถทำได้ก่อนป่วย ก็สามารถส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดีแบบ 360 องศาได้
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ : เว็บไซต์โรงพยาบาลสมิติเวช บทความโดย นพ. ธเนศ สินส่งสุข สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงอาชีวเวชศาสตร์ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 6 ทริคส่งเสริมสุขภาพดี อัปร่างกายให้ฟิตรับปีใหม่
- 8 เคล็ดลับ ‘สร้างฮอร์โมนความสุขให้ตัวเอง’ ช่วยให้มีสุขภาพดี มีความสุข และมีอายุที่ยืนยาวขึ้น
- ‘อาหารแพลนท์เบส’ ทางเลือกสำหรับผู้รักสุขภาพ เทรนด์การบริโภคหลีกเลี่ยงโปรตีนจากเนื้อสัตว์
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg