Environmental Sustainability

GKBI จับมือ NatureWorks ลงทุนโครงการสาธารณูปโภค นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ ระยะ 2

GKBI บริษัทร่วมทุนระหว่าง GGC และ KTIS จับมือ NatureWorks Asia Pacific ลงนามสัญญาลงทุนโครงการ Utility Provider และ Infrastructure สำหรับโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ ระยะที่ 2

บริษัท จีจีซี เคทิส ไบโออินดัสเทรียล จำกัด หรือ GKBI บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC บริษัทแกนนำในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Flagship Company) ของ GC Group และบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาล และอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร ร่วมลงนามสัญญาลงทุนโครงการ Utility Provider และ Infrastructure สำหรับโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ ระยะที่ 2 (NBC Phase 2) กับ บริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ NatureWorks LLC

S 132612165

โดยบริษัท GC International Corporation บริษัทย่อยของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (จำกัด) มหาชน (GC) และ บริษัท Cargill Incorporated (Cargill) เป็นผู้ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 50 ในบริษัท NatureWorks LLC

การลงนามสัญญาในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ ที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนจากต่างชาติ ให้เข้ามาลงทุนในโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ต่อไปในอนาคต

โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ระยะที่ 2 มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าทางการเกษตร ต่อยอดสู่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง (High Value Added) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ (Biochemicals) และผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) โดยใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อม

นายไพโรจน์ สมุทรธนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมทุนดังกล่าวในโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ สะท้อนถึงการเป็นผู้นำด้านธุรกิจเคมีชีวภาพของ GGC

S 132612164

ทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับบริษัทฯ สำหรับธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพและเพิ่มโอกาสในการลงทุนต่อยอดธุรกิจเคมีชีวภาพ (Biochemicals) และพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) ในอนาคต

การเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานพลาสติกชีวภาพของ NatureWorks ในครั้งนี้ จะทำให้เกิดโรงงานพลาสติกชีวภาพแบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย ตอบสนองความต้องการใช้วัสดุที่ยั่งยืนให้ตลาดโลก นับเป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และขับเคลื่อนให้ประเทศไทย บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ตามเป้าหมายที่วางไว้

นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ เป็นโครงการที่ก่อประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

S 132612166

ทางด้านเศรษฐกิจนั้นจะมีการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และแรงงานในพื้นที่ ที่จะเข้ามาทำงานในโรงงาน ทำให้มีเงินหมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้น ด้านสังคมทำให้แรงงานในชุมชนไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน ครอบครัวจะเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างงานสร้างรายได้ ในภาวะที่แรงงานจำนวนมากได้รับผลกระทบ จากการระบาดของโควิด-19

ด้านสิ่งแวดล้อมจะเห็นได้ชัดเจนมาก ตั้งแต่กระบวนการผลิตของโรงงานหีบอ้อย และโรงงานเอทานอล ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำให้ไม่เกิดของเสียออกสู่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสีย หรือฝุ่นควันต่าง ๆ

นอกจากนี้ ยังมี Carbon Credit และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่จะสร้างความมั่นใจในเรื่องของการลดมลพิษทั้งในไร่อ้อยและในโรงงานอีกด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo