ใหญ่แค่ไหนก็ต้องปรับ! ก้าวแรกของ PTTEP รุกสู่พลังงานสะอาด ล่าสุดทุ่มเงินลงทุนราว 24,000 ล้านบาท ซื้อหุ้น 50% ของ TotalEnergies Renewables Seagreen Holdco (TERSH) ในโครงการซีกรีน ออฟชอร์ วินด์ฟาร์ม
เมื่อพูดถึงบริษัทในไทยที่มีบทบาทอย่างมากกับพลังงานฟอสซิลอย่างน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ แน่นอนว่าใครก็ต้องนึกถึงหุ้น PTEEP หรือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเบอร์ 1 และแทบจะเป็นรายเดียวของประเทศไทย ปัจจุบันมีขนาด Market Cap. กว่า 6 แสนล้านบาท
ธุรกิจของ PTTEP จึงเกี่ยวข้องมากๆ กับการขึ้นลงของราคาน้ำมันดิบ ว่ากันว่าทุกๆ การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบ 1 ดอลลาร์ จะส่งต่อกำไรของ PTTEP ประมาณ 800 – 900 ล้านบาทเลยทีเดียว ด้วยธุรกิจที่เป็นต้นน้ำในการขุด เจาะ และสำรวจ ทำให้ธุรกิจของบริษัทนั้นพึ่งพาการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันเป็นอย่างมาก
จากเรื่องราวทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าแม้ PTTEP จะใหญ่และมั่นคงแค่ไหน ก็ถึงคราวจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง หากต้องการจะเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน เนื่องจากเทรนด์พลังงานในโลกปัจจุบัน หันหน้าสู่พลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน และคุยเรื่องเป้าหมาย Net Zero กันมากขึ้น
ล่าสุด ยักษ์ใหญ่ PTTEP ก็ได้เริ่มขยับตัวอย่างเป็นทางการ โดยทุ่มเงินลงทุนราว 24,000 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 50% ของบริษัท TotalEnergies Renewables Seagreen Holdco (TERSH) ซึ่งมีการลงทุนใน “โครงการซีกรีน ออฟชอร์ วินด์ฟาร์ม” โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งจะส่งผลให้ PTTEP ถือหุ้นโดยอ้อม 25.5% ในโครงการดังกล่าวตามสัดส่วนการลงทุน
โครงการซีกรีน ออฟชอร์ วินด์ฟาร์ม ตั้งอยู่บริเวณทะเลเหนือ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงด้านทรัพยากรลม ห่างจากชายฝั่งสกอตแลนด์ ประมาณ 27 กิโลเมตร ได้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนตุลาคม 2566 ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 1.1 กิกะวัตต์ (GW) โดยมีผู้ดำเนินการคือบริษัท SSE Renewables Services (UK) Ltd (SSE) ที่ถือสัดส่วนการลงทุน 49% และกลุ่ม TERSH ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการพลังงานทดแทนชั้นนำระดับโลก
ความน่าสนใจของการลงทุนโครงการดังกล่าว คือแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความสามารถในการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น เพราะสหราชอาณาจักรมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกัน PTTEP จะได้พาร์ทเนอร์ทางกลยุทธ์ที่สำคัญอีกด้วย ถือเป็นก้าวแรกในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของบริษัท
วิเคราะห์ดีลพลังงานลม PTTEP คุ้มแค่ไหน?
มูลค่าการลงทุน 24,000 ล้านบาท แลกกับโรงไฟฟ้าพลังงานลม 1,075 เมกะวัตต์ (MW) ในสัดส่วนการถือหุ้น 25.5% บล.กรุงศรี พัฒนสิน มองว่าเป็นราคาที่ไม่แพง เพราะถึงแม้จะเป็นสัดส่วนที่ไม่เยอะ แต่เป็นโครงการที่ COD ไปแล้ว ทำให้จะสามารถรับรู้กำไรเข้ามาทันที คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ราว 7-10% ใกล้เคียงกับการลงทุนในพลังงานลมทั่วไป
เบื้องต้นประเมิน โครงการซีกรีน ออฟชอร์ วินด์ฟาร์ม จะสร้างกำไรให้ PTTEP ราว 1% ของกำไรทั้งปี เพราะฉะนั้น การเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าโรงเดียวคงไม่ได้ทำให้น่าตื่นเต้นขนาดนั้น แต่จะเป็นก้าวแรกของการ Diversify ไปสู่พลังงานสะอาด และอาจจะช่วยบรรลุเป้า Net Zero Emission ในอนาคต
มุมมองของ บล. กสิกรไทย เชื่อว่าการลงทุนโครงการดังกล่าวจะมี Upside 2% ต่อประมาณการกำไรของ PTTEP หรือคิดเป็นประมาณ 1,000-1,2000 ล้านบาทต่อปี พิจารณาจากสมมติฐาน WACC ที่ 8.8% และ IRR ของโครงการที่ประมาณ 6-7%
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือเป็นจุดเริ่มต้นของ PTTEP ในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนกับบริษัทระดับโลก โดยเชื่อว่าบริษัทกำลังมองหาโครงการพลังงานทดแทนอีก 2-3 โครงการในอนาคต เพื่อขยายธุรกิจออกนอกธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาล และทิศทางราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กสิกรไทย เดินหน้า Net Zero ใช้ ‘รถ EV Currency Exchange’ และ ‘บัตรเครดิต-เดบิตจากวัสดุรีไซเคิล’
- ทส. จัดสัมมนา COP28 Debrief ‘Unite. Act. Deliver.’
- ‘ซีพีเอฟ’ คว้า 3 รางวัล ‘Thailand Energy Award 2023’ ใช้พลังงานหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่ผลิตอาหาร
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg