Telecommunications

กลุ่มนักวิชาการ ออกแถลงการณ์ต้านควบรวมทรู-ดีแทค เรียกร้อง กสทช. ยืนข้างประชาชน

เปิดแถลงการณ์กลุ่มนักวิชาการ ต้านดีลควบรวมทรู-ดีแทค เรียกร้อง กสทช. ยืนหยัดเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน ชี้ผูกขาด มีอำนาจเหนือตลาด

สภาองค์กรของผู้บริโภค โพสต์เพจเฟซบุ๊ก เปิดแถลงการณ์นักวิชาการ เรียกร้องให้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยืนหยัดข้างผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน กรณีพิจารณาดีลควบรวมทรู-ดีแทค วันนี้ โดยระบุว่า

4

เนื่องจากกรณีที่บริษัท ทรู คอร์เปอร์เรชั่น (จำกัด) มหาชน และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมิวนิเคชั่น (จำกัด) มหาชน มีเจตนาจะทำการควบรวมบริษัท ซึ่งท่านในฐานะคณะกรรมการองค์กรอิสระที่ดูแลกำกับกิจการโทรคมนาคม จะต้องใช้อำนาจพิจารณาการควบรวมครั้งนี้

เนื่องจากบริษัททั้งสองเป็นบริษัทในกิจการโทรคมนาคม ที่หลังจากการควบรวม จะมีการเข้าไปถือหุ้นมากกว่า 10% ในบริษัทลูก คือ บริษัท ทรูมูฟเอช จำกัด และ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน

อันขัดต่อตามบัญญัติมาตรา 21 ของพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ประกาศ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2561

กลุ่มนักวิชาการจากหลายสถาบันการศึกษา มีความกังวลต่อผลกระทบที่จะมีต่อสังคมในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความก้าวหน้าด้านการศึกษา หากคณะกรรมการอนุญาตให้เกิดการควบรวมกิจการทั้งสอง เนื่องจากการควบรวมครั้งนี้จะทำให้เกิดการผูกขาด และลดการแข่งขันในตลาดค่ายมือถือ และตลาดอินเทอร์เน็ต ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาความรู้ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสการเข้าถึงแหล่งความรู้จากทุกมุมโลกที่จะทำให้นักศึกษา และประชาชน มีโอกาสพัฒนาศักยภาพด้วยตนเอง หรือจากสถาบันการศึกษาระดับโลก

กลุ่มนักวิชาการ จึงขอเรียกร้องให้ท่านยึดมั่นต่อหน้าที่ที่มีต่อประชาชนในการรักษาผลประโยชน์สูงสุด ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 60 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ด้วยการไม่อนุญาตให้เกิดการควบรวม

ซึ่งหากวิเคราะห์ตามมาตรา 21 ในพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2549 จะพบว่าได้มีการแสดงเจตนารมณ์ทางกฎหมายอย่างชัดเจนว่า ไม่ต้องการให้มีการผูกขาด หรือลดการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคมในธุรกิจประเภทเดียวกัน

การควบรวมครั้งนี้ มีความชัดเจนว่าธุรกิจใหม่ของสองบริษัทข้างต้นจะทำให้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายของบริษัทที่เป็นผู้ถือใบอนุญาตได้ถึงสองบริษัท คือ บริษัท ทรูมูฟเอช และ บริษัท ดีแทคไตรเน็ต
ซึ่งการควบรวมนี้ จะทำให้บริษัทใหม่มีส่วนแบ่งในตลาดเกินกว่า 50% ที่ทำให้กิจการมีอำนาจเหนือตลาดโดยทันที

แถลงการณ์ นักวิชากการ

อีกทั้งทำให้คู่แข่งในตลาดสัญญาณมือถือ และอินเทอร์เน็ต ลดลงจาก 3 รายใหญ่เหลือ 2 รายใหญ่ คือ บริษัทใหม่หลังการควบรวม และ บริษัท เอไอเอส ที่มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันมากกว่า 97%

จากการศึกษาด้านวิชาการที่ได้ปรากฏในสื่อต่าง ๆ ในช่วงที่มีข่าวการควบรวม ได้ชี้ชัดว่า การควบรวมครั้งนี้เป็นอันตรายต่อการแข่งขันในตลาดผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต ที่แสดงค่า HHI (Herfindahl Index เรียกย่อว่า HHI) ที่เป็นดัชนีวัดการกระจุกตัวของตลาด ที่ กสทช. ได้กำหนดไว้ว่าไม่ควรเกิน 2500 แต่หากเกิดการควบรวม ดัชนีนี้จะทะยานสูงถึง 5007 ที่ส่งสัญญาณอันตรายต่อตลาดนี้ที่นำทรัพยากรคลื่นความถี่ของประชาชนมาบริหาร

เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณะ และแวดวงวิชาการแล้วว่า ตลาดใดที่เป็นตลาดการผูกขาด หรือลดการแข่งขันจะเป็นตลาดที่ผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป หมดอำนาจในการเลือกซื้อบริการ และหมดอำนาจต่อรองด้านราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดที่หดตัวเหลือคู่แข่งเพียงสองรายใหญ่ จะมีแนวโน้มที่คู่แข่งทั้งสองลดการแข่งขันลงเรื่อยๆ จนเข้าสู่ความร่วมมือเพื่อสร้างกำไรสูงสุด

โดยมีการคาดการณ์ว่า ราคาค่าบริการที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเพิ่ม จะสูงขึ้นจาก 2.03% ในระดับของการแข่งขันหลังควบรวม และจะทะยานถึง 244.5% หากการแข่งขันเปลี่ยนไปเป็นความร่วมมือของธุรกิจทั้งสอง

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มนักวิชาการ จึงร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ต่อคณะกรรมการ กสทช. ให้พิจารณาไม่อนุญาตการควบรวม เนื่องจากการควบรวมนี้ จะสร้างภาระค่าใช้จ่ายต่อผู้บริโภคที่เกิดขึ้นจากค่าบริการสัญญาณมือถือและอินเทอร์เน็ตทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา ทั้งในระบบและนอกระบบ โอกาสในการสร้างศักยภาพในการแข่งขันหรือพัฒนาด้านเทคโนโลยีระดับโลกในทุกมิติ

ท้ายที่สุด จะมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่หมดโอกาสเข้าบริการด้านสัญญาณคลื่นความถี่จากสาเหตุการแข่งขันที่ผูกขาดจึงเรียนมาเพื่อขอให้คณะกรรมการ กสทช. พิจารณาไม่อนุมัติการควบรวมครั้งนี้ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo